กรุงเทพฯ--25 เม.ย.--โฟร์พีแอดส์ (96)
สถาบันวัคซีนแห่งชาติฯ เผย ผลการประชุมเชิงปฏิบัติการผู้แทนประเทศในอาเซียนครั้งที่ 3 เพื่อระดมสมองยกร่างแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการเพื่อสร้างความมั่นคงและการพึ่งตนเองด้านวัคซีนในภูมิภาคอาเซียนผ่านฉลุย ระบุ! ถือเป็นแผนแม่บทฉบับแรกของอาเซียน ที่นำไปสู่การพัฒนาความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อประโยชน์สูงสุดร่วมกัน คือ "ประชาคมอาเซียนสุขภาพดีด้วยการเข้าถึงวัคซีนที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสม อย่างเท่าเทียมและทันเวลา"
ดร.นพ.จรุง เมืองชนะ ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า"การประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการเพื่อสร้างความมั่นคงและการพึ่งตนเองด้านวัคซีนในระดับภูมิภาคอาเซียน"ครั้งที่ 3 หรือ AVSSR ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 - 30 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมา ณ โรงแรม แกรนด์ เมอร์เคียว กรุงเทพ ฟอร์จูน ประสบผลสำเร็จและสามารถบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยมีผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ตามห่วงโซ่คุณค่าของวัคซีน(Vaccine value chain) รวมถึงผู้แทนจากองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สำนักงานเลขาธิการอาเซียน องค์การอนามัยโลกสำนักงานใหญ่ สำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำนักงานประจำภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก และสำนักงานประจำประเทศไทย และองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) เข้าร่วมประชุมร่วม 70 คน
การประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมได้ร่วมระดมสมองเพื่อยกร่างแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการเพื่อสร้างความมั่นคงและการพึ่งตนเองด้านวัคซีนในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์สำคัญ คือ 1. การพัฒนาระบบบริหารจัดการวัคซีนที่มีประสิทธิภาพเพื่อความยั่งยืนในการมีวัคซีนใช้อย่างเพียงพอ ทันเวลา โดยการจัดซื้อวัคซีนร่วมกัน และจัดตั้งคลังวัคซีนฉุกเฉินระดับภูมิภาค 2. การสร้างเครือข่ายการวิจัย การผลิต และการควบคุมกำกับคุณภาพวัคซีนที่จำเป็นสำหรับภูมิภาค ด้วยการจัดตั้งกลไกสนับสนุนการวิจัยพัฒนาและผลิตวัคซีนร่วมกัน 3.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น รวมถึงทรัพยากรบุคคลเพื่อการพัฒนาและผลิตวัคซีน โดยจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านการพัฒนาและผลิตวัคซีนในภูมิภาค จัดตั้งโรงเรียนผลิตบุคลากรด้านวัคซีนและชีววัตถุในระดับภูมิภาค และ และ 4.การจัดตั้งโครงสร้างการบริหารเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการดังกล่าว รวมถึงการจัดทำปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยความมั่นคงและการพึ่งตนเองด้านวัคซีน
ดร.นพ.จรุง ยังกล่าวอีกว่าร่างแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการเพื่อความมั่นคงและการพึ่งตนเองด้านวัคซีนในภูมิภาคอาเซียนที่ได้จากการประชุมครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นแผนแม่บท(Master plan)ฉบับแรก สำหรับประเทศสมาชิกอาเซียน ที่จะนำไปสู่การพัฒนาความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านวัคซีนและการบรรลุประโยชน์สูงสุดร่วมกันในอนาคต คือ "ประชาคมอาเซียนสุขภาพดีด้วยการเข้าถึงวัคซีนที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสม อย่างเท่าเทียมและทันเวลา"
ล่าสุดสถาบันวัคซีนแห่งชาติฯ ในฐานะผู้รับผิดชอบหลักและเจ้าภาพการประชุมได้เตรียมรายงานความก้าวหน้านำเสนอต่อที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านการพัฒนาสาธารณสุข ครั้งที่ 13 เพื่อรับทราบและให้ความเห็นในเบื้องต้น ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 - 26 เมษายน 2561นี้ ณ ประเทศกัมพูชา นอกจากนี้ยังได้เตรียม 1.รายงานผลการสำรวจข้อมูลพื้นฐานด้านศักยภาพการวิจัยพัฒนาวัคซีน การผลิต การควบคุมกำกับคุณภาพ และการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคในภูมิอาเซียน ฉบับสมบูรณ์ และต้นฉบับ เพื่อตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ 2.แผนปฏิบัติการด้านการสื่อสารและการประสานงาน (CCAP) เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานความมั่นคงและการพึ่งตนเองด้านวัคซีนในภูมิภาคอาเซียนฉบับสมบูรณ์ 3.แผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการเพื่อความมั่นคงและการพึ่งตนเองด้านวัคซีนในภูมิภาคอาเซียน โดยเอกสารทั้ง 3 ฉบับจะได้รับการตีพิมพ์ภายหลังได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นทางการจากเวทีการประชุมผู้นำด้านสาธารณสุขอาเซียนต่างๆ และ 4.จัดทำ (ร่าง) ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยความมั่นคงและการพึ่งตนเองด้านวัคซีน เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมอาเซียนระดับกลุ่มสุขภาพอาเซียน(ASEAN Health Cluster) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 - 13 กรกฎาคม 2561 ณ ประเทศสิงคโปร์ เพื่อพิจารณาและให้ความเห็นชอบ และผลักดันให้ได้รับการลงนามและเห็นชอบอย่างเป็นทางการในเวที การประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน (ASEAN Health Ministers Meeting; AHMM) และการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (ASEAN summit) ครั้งที่ 33 ในปี 2562 ซึ่งเป็นปีที่ประเทศไทยเป็นประธานของอาเซียน
ทั้งนี้ คาดหวังว่าภายหลังแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการเพื่อความมั่นคงและการพึ่งตนเองด้านวัคซีนในภูมิภาคอาเซียน) ได้รับความเห็นชอบ อย่างเป็นทางการแล้ว แผนงาน โครงการ หรือกิจกรรมต่างๆตามที่ได้ระบุไว้ จะได้รับการถ่ายทอดและนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้ความร่วมมือที่เข้มแข็งจากประเทศสมาชิก เพื่อมุ่งไปสู่การบรรลุเป้าหมายสูงสุด คือ "ความมั่นคงและการพึ่งตนเองด้านวัคซีนในภูมิภาคอาเซียน" ดร.นพ.จรุง กล่าวในตอนท้าย