กรุงเทพฯ--25 เม.ย.--กรมส่งเสริมสหกรณ์
กรมส่งเสริมสหกรณ์เผยอาลีบาบาส่งทีมจัดซื้อเจรจาธุรกิจซื้อขายทุเรียนกับสหกรณ์ใน 3 จังหวัด ระยอง จันทบุรีและตราด อีก 2 สัปดาห์ จะบินจากจีนมาลงพื้นที่บุกสวนผลไม้เพื่อดูกระบวนการผลิตทุเรียนคุณภาพตามมาตรฐาน GAP ไปจนถึงขั้นตอนการเก็บเกี่ยว รวบรวมการผลิตและขนส่งจำหน่ายสู่ตลาด หากได้ข้อยุติเงื่อนไขเรื่องการสั่งซื้อและราคา จึงจะมีการลงนามในข้อตกลงร่วมกัน
นายเชิดชัย พรหมแก้ว รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในช่วงที่นายแจ๊ค หม่า ผู้บริหาร Alibaba Group เดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการค้าสินค้าเกษตรไทยไปประจีน ทางบริษัทมีความสนใจจะสั่งซื้อทุเรียนไทยส่งไปขายผ่านออนไลน์ในประเทศจีน จึงได้ให้บริษัท Shanghai Win Chin Supply Management ซึ่งเป็นบริษัทจัดซื้อในเครือของอาลีบาบาเจรจาการค้ากับตัวแทนสหกรณ์ 3 แห่ง ในภาคตะวันออก ได้แก่ สหกรณ์นิคมชุมแสงจันทร์ จำกัด จังหวัดระยอง สหกรณ์การเกษตรมะขาม จำกัด จังหวัดจันทบุรี และสหกรณ์การเกษตรเขาสมิง จำกัด จังหวัดตราด โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานเพื่อให้เกิดการพบปะพูดคุยระหว่างกัน ซึ่งทางตัวแทนของอาลีบาบาได้แสวงหาความร่วมมือในการทำธุรกิจซื้อขายทุเรียนกับสหกรณ์โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง และคาดหวังที่จะได้ผลไม้ที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน ซึ่งทางฝ่ายไทยได้ยืนยันว่าขณะนี้สหกรณ์ชาวสาวนผลไม้ได้ส่งเสริมให้สมาชิกปลูกทุเรียนและผลไม้ตามฤดูกาลโดยยึดตามมาตรฐาน GAP ตั้งแต่ในสวน การเก็บเกี่ยวไปจนถึงการคัดคุณภาพก่อนส่งจำหน่ายให้กับคู่ค้า
"ทุเรียนของไทยที่จะส่งจำหน่ายให้อาลีบาบา ทางบริษัทจำนะไปขายทางออนไลน์และร้านสะดวกซื้อที่เป็นเครือข่ายตั้งยู่ในเมืองต่าง ๆ ของจีน สิ่งที่บริษัทต้องการคือผลไม้คุณภาพดี มีความสด และรสชาติดั้งเดิม ดังนั้น ผลไม้ที่จะส่งไปถึงจีนต้องอยู่ในสภาพที่สดใหม่เหมือนกินอยู่ในสวน และถึงจีนโดยเร็วที่สุด และคาดว่าในอีก 2 สัปดาห์ทางอาลีบาบาจะส่งทีมงานลงพื้นที่เพื่อให้มีความมั่นใจว่าจะได้ทุเรียนที่มีคุณภาพ และจะมีการวางระบบโลจิสติกในการขนส่งสินค้าเพื่อให้ทุเรียนจากประเทศไทยไปถึงจีนได้เร็วสุด" นายเชิดชัย กล่าว
ในฤดูกาลผลิตปี 2561 สหกรณ์ในภาคตะวันออกได้วางแผนในการรวบรวมทุเรียนจากสมาชิกประมาณ 5,170 ตัน มูลค่า 309.49 ล้านบาท แบ่งเป็นทุเรียนสด 4,670 ตัน มูลค่า 219.490 ล้านบาท และทุเรียนแช่แข็ง 500 ตัน มูลค่า 90 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ทางสหกรณ์ได้จัดทำแผนการจำหน่ายผลผลิตล่วงหน้าไว้หมดแล้ว แต่ก็อาจจะมีสหกรณ์บางแห่งในจังหวัดตราดกับระยอง ที่พอจะมีผลผลิตทุเรียนส่งขายให้ทางบริษัทและพร้อมพูดคุยที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจกับทางอาลีบาบาได้ทันฤดูกาลปีนี้ ในส่วนสหกรณ์ในจังหวัดจันทบุรี จะเริ่มการค้าได้ภายในฤดูกาลผลิตปี 2562 โดยทางบริษัทฯ แจ้งว่ามีความต้องซื้อทุเรียนระยะเวลา 3 ปี ประมาณ 3,000 ล้านหยวน ซึ่งในช่วงเริ่มต้น สหกรณ์อาจมีผลผลิตส่งขายให้ทางบริษัทฯ ได้ไม่มากนัก แต่ทางบริษัทก๋ไม่ได้ห่วงเรื่องปริมาณแต่จะเน้นเรื่องคุณภาพของทุเรียนเป็นอีนดับแรก
"ปีนี้อาจจะเป็นการทดลองเรื่องระบบการเจรจาซื้อขายและการขนส่ง ทุเรียนในภาคตะวันออกจะออกผลผลิตมากในเดือนพฤษภาคม ซึ่งสหกรณ์สามารถผลิตทุเรียนคุณภาพได้ไม่เกิน 5 พันตันต่อฤดูกาล และแนวโน้มราคาจำหน่ายในปีนี้สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่าน ๆ มาเนื่องจากคาดว่าผลผลิตจะออกมาไม่มาก ซึ่งการผลิตทุเรียนคุณภาพต้นทุนต่อไร่ค่อนข้างสูง แต่คุณภาพเนื้อทุเรียนจะมีความอร่อย ซึ่งต้องอาศัยการดูแลอย่างดีและต้องได้มาตรฐาน และหากคู่ค้ายังไม่สามารถวางแผนการตลาดได้ชัดเจน เราก็ไม่กล้าแนะนำให้เกษตรกรลงทุนขยายพื้นที่ปลูกทุเรียนเพิ่ม เผื่อรีคาไม่ได้ตามที่คาดหวังไว้มันจะไม่คุ้มทุน แต่ถ้าอาลีบาบาต้องการทุเรียนคุณภาพดีและมีตลาดที่ชัดเจน พร้อมที่จะซื้อของดีมีคุณภาพในราคาที่สูงกว่าทุเรียนทั่ว ๆ ไป สหกรณ์ก็สามารถส่งเสริมให้สมาชิกขยายพื้นที่ปลูกทุเรียนคุณภาพเพื่อรองรับตลาดที่เปิดกว้างขึ้นได้ ซึ่งกรมฯ พร้อมจะผลักดันให้สหกรณ์ทำการค้าร่วมกับบริษัทอาลีบาบา กรุ๊ป และการสนับสนุนเพื่อให้เกิดความร่วมมือทางการค้าตามนโยบายการตลาดนำการผลิต ซึ่งขณะนี้ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยเพื่อให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับเงื่อนไขในการสั่งซื้อทุเรียนและการกำหนดราคา ก่อนจะมีการลงนามในข้อตกลงของอาลีบาบากับผู้แทนของสหกรณ์ต่อไป" นายเชิดชัย กล่าว