กรุงเทพฯ--25 เม.ย.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 25 เมษายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,322.87-1,332.06 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,800 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาทรงตัวจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,800 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFJ18 อยู่ที่ 19,870 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 10 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,860 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.40 น. ของวันที่ 25/04/61)
แนวโน้มวันที่ 26 เมษายน 2561
การประชุมสุดยอดระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ในวันศุกร์นี้ มีแนวโน้มนำพาไปสู่การประชุมสุดยอดระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนืออาจมีขึ้นในปลายเดือนพ.ค. หรือต้นเดือนมิ.ย. ทั้งนี้ ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยถูกลดความน่าสนใจลง เมื่อความตึงเครียดระหว่างประเทศลดลงและการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเพิ่มมากขึ้น เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เกาหลีเหนือต้องการที่จะให้มีการจัดประชุมสุดยอดกับสหรัฐโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้กล่าวยกย่องนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือว่าเป็นคนเปิดเผยและมีเกียรติ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจับตา ปธน.ทรัมป์ ที่ต้องตัดสินใจเกี่ยวกับการออกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจครั้งใหม่ต่ออิหร่าน โดยสหรัฐพยายามเสนอข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านฉบับใหม่เพื่อยกเว้น มาตรการคว่ำบาตร ซึ่งชาติตะวันตกหลายประเทศมองว่าเป็นความหวังที่ดีที่สุดในการป้องกันอิหร่านจากการพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์และระงับการติดอาวุธนิวเคลียร์ในตะวันออกกลาง ประเด็นดังกล่าวมีกำหนดเส้นตายในวันที่ 12 พ.ค. นี้ ทั้งนี้ การอ่อนตัวลงของตลาดหุ้นได้เป็นแรงหนุนทองคำ ซึ่งมักจะได้รับแรงซื้อเมื่อหุ้นร่วงลง เห็นได้จาก ดัชนี S&P500 และดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ครึ่งและดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับลดลงเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน ส่วนดัชนี S&P500 ปรับลดลง 1.5% ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน อันเป็นผลจากทองคำถูกมองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ทั้งนี้ ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับขึ้นต่อเนื่องและแตะระดับสูงสุดรอบ 4 ปี ที่ 3.009% ในขณะที่คำเตือนจากบริษัทต่างๆถึงต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นจากการทะยานขึ้นตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ กลับมาส่งผลบวกต่อทองคำ ทั้งนี้แนะนำให้นักลงทุนรอจังหวะซื้อเมื่อราคาทองคำไหลลงสู่แนวรับสำคัญ น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ และควรปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดปัจจุบัน ที่เปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยที่เข้ามากระทบ
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีแนะนำให้ลงทุนระยะสั้น โดยเสี่ยงซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงไปบริเวณแนวรับที่ 1,321-1,313 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้น ในระยะสั้นราคาทองคำมีลักษณะการแกว่งตัวในกรอบ หากราคาสามารถทรงตัวรักษาระดับไว้ น่าจะพอทำให้เกิดแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามา แต่หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือรับได้อย่างแข็งแกร่ง นักลงทุนยังต้องระมัดระวังแรงขายทางเทคนิค และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาหลุดบริเวณแนวรับ เพื่อลดความเสียหายของพอร์ทการลงทุน ในขณะที่นักลงทุนที่มีทองคำในมือ ให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวหรือไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,337 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แล้วรอไปซื้อคืนหากราคาไม่หลุดบริเวณแนวรับ
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,313 (19,550บาท) 1,302 (19,400บาท) 1,294 (19,250บาท)
แนวต้าน 1,337 (19,950บาท) 1,346 (20,100บาท) 1,356 (20,250บาท)
GOLD FUTURES (GFJ18)
แนวรับ 1,313 (19,690บาท) 1,302 (19,520บาท) 1,294 (19,400บาท)
แนวต้าน 1,337 (20,060บาท) 1,346 (20,190บาท) 1,356 (20,340บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999