กรุงเทพฯ--26 เม.ย.--พีอาร์ นิวส์ บียอนด์
SELIC ประกาศแผนกลยุทธ์ปี 2561 กำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างรากฐาน (foundation) ที่มั่นคงหวังปูฐานการเติบโตธุรกิจอย่างยั่งยืนรองรับการแข่งขันในตลาด เน้นการบริหารจัดการภายใต้แนวคิด customer centricity ส่งเสริมด้านนวัตกรรม รวมทั้งปรับกระบวนการทำงานและโครงสร้างภายใน (transform) ต่อเนื่อง เน้นเติบโตอย่างยั่งยืน
นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ซีลิค คอร์พ (SELIC) เผยนโยบายการเติบโตของบริษัทในภาพใหญ่ เน้นการวางรากฐานที่แข็งแรง รวมถึงการปรับโครงสร้างการบริหาร การพัฒนาองค์กร การปรับกระบวนการ ทำงาน เพื่อตอบสนองนโยบายเชิงกลยุทธ์ 2 ด้านที่สำคัญของบริษัท คือ การเข้าไปอยู่ในใจของลูกค้า หรือ Heart of Customer และ การส่งเสริมด้านนวัตกรรม หรือ Innovation
โดยแผนงานในปี 2561 นี้จะมีทิศทางการดำเนินงานสอดคล้องกับนโยบายหลักทั้งสองด้าน โดยมี 5 ด้านประกอบไปด้วย
1. การบริหารความสัมพันธ์และประสบการณ์ลูกค้าแบบ customer centric โดยมีการปรับโครงสร้างการบริหาร ด้านการขาย คือ แยกฝ่ายขายต่างประเทศ และในประเทศออกจากกันเพื่อให้เกิดการโฟกัสในตลาดที่แตกต่าง นอกจากนี้ มีการปรับโครงสร้างภายในประเทศโดยจัดทีมขายต่างอุตสาหกรรมของลูกค้าเป็นหลัก เพื่อให้เกิดความเข้าใจในธุรกิจลูกค้าและสามารถตอบสนองความต้องการด้านธุรกิจลูกค้าได้อย่างแม่นยำและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
"จากผลการวิจัยพบว่าสิ่งที่ลูกค้ามองหาคือสินค้าที่มีคุณสมบัติตรงกับความต้องการ การส่งของที่ตรงเวลา และ ที่สำคัญคือการบริการที่รวดเร็วและช่วยแก้ปัญหาลูกค้าได้ เช่นของขาด สามารถส่งของได้ทันการใช้งาน ฉะนั้น การปรับทีมดังกล่าวจะทำให้ทีมเกิดโฟกัสและเข้าใจการใช้งานของลูกค้าได้เป็นอย่างดี" นางสาวยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานพัฒนาธุรกิจ กล่าว
2. ด้านนวัตกรรม โดยมีงบวิจัยและพัฒนาสำหรับค้นคว้าและพัฒนาสินค้าอยู่อย่างสม่ำเสมอ ด้านการจัดการมีการแยกทีมในแผนกวิจัยและพัฒนาออกเป็น 2 ทีมโดยจะมีทีมที่พัฒนาสินค้าใน portfolio และทีมวิจัยที่สามารถคิดค้น งานวิจัยโครงการต่าง ๆ โดยไม่ได้มีขอบของตัวสินค้ามาเป็นกรอบ
นายเอก กล่าวเสริมว่า "ซีลิคเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญด้านนวัตกรรมและมีการส่งเสริมมาตลอด เรามีการจัดสรรงบสำหรับ R&D ทุกปี การแยกทีมวิจัย และทีมพัฒนาจะทำให้ทั้งสองทีมมีเวลาในการคิดค้น เพื่อสร้างหรือต่อยอดนวัตกรรมได้โดยสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่ เรายังมีการส่งเสริมให้พนักงานทุกคนแสดงความคิดใหม่ ๆ โดยไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับกับการพัฒนาสินค้า"
3. ยกระดับการผลิตทั้งด้านกำลังการผลิตและศักยภาพการผลิตเพื่อตอบสนอง และรองรับตลาดและการใช้งานกาว อุตสาหกรรม เนื่องจากปัจจุบันตลาดมีความต้องการกาวที่ความข้นหนืดสูงขึ้น รวมทั้งปริมาณการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้นตามความต้องการตลาด
4. ขยายตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยขยายฐานลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ให้บริการอยู่ รวมทั้งเจาะกลุ่มอุตสาหกรรมเพิ่มเติม เช่น กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ กลุ่มก่อสร้าง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ในส่วนทางด้านต่างประเทศ ยังคงเน้นและให้ความสำคัญตลาด CMV และ ทวีปออสเตรเลีย รวมประเทศนิวซีแลนด์
นางสาวยุวดี กล่าวเพิ่มเติม "การปรับโครงสร้างทีมขาย ทำให้การวางแผนขยายตลาดมีความชัดเจนขึ้น และยังเป็นการสร้างความรู้เฉพาะด้านให้กับทีมและเกิดความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม และตลาดที่ทีมทำงานอยู่"
5. มองหาโอกาสในการเติบโตของธุรกิจโดยการขยายธุรกิจโดยให้มีความหลากหลาย (diversity) โดยผ่านกระบวน การควบรวม หรือซื้อกิจการ (Merging and Acquisition) "เราพยายามมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจ ในด้าน ความหลากหลายนอกเหนือจากการเติบโตจากการดำเนินการ โดยอาจผ่านทางด้านการซื้อ หรือควบรวมกิจการ กับธุรกิจที่เราสนใจและคิดว่าจะสามารถสร้างความเติบโตและเอื้อต่อบริษัท" นายเอก กล่าวปิดท้าย
จากทิศทางที่วางไว้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มั่นใจว่าจะบริษัทจะเติบโตดีกว่าปีที่แล้ว โดยปี 2560 ยอดขาย โดยรวมอยู่ที่ 590.03 ล้านบาท เติบโตขึ้น6.44% ในขณะที่ยอดขายกาวอุตสาหกรรมอยู่ที่ 576.90 ล้านบาท เติบโตขึ้น 10%