กรุงเทพฯ--26 เม.ย.--ปตท.สผ.
- ราคาขายเพิ่มขึ้นจาก 38 เป็น 44 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบและยังรักษาต้นทุนต่อหน่วยให้อยู่ในระดับต่ำที่ 29 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ
- สถานะการเงินแข็งแกร่งด้วยเงินสดในมือกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. พร้อมเดินหน้าประมูลสัมปทานหมดอายุทั้งแหล่งบงกชและเอราวัณ
- ประสบความสำเร็จในการขยายการลงทุน ทั้งการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบงกช และประสบความสำเร็จการประมูลโครงการสำรวจในเม็กซิโกและมาเลเซีย
บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เผยผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2561 มีกำไรสุทธิ (Net income) 423 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (ดอลลาร์ สรอ.) (เทียบเท่า 13,381 ล้านบาท) ปรับตัวสูงขึ้น 74 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 349 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 12,284 ล้านบาท) เป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ ปตท.สผ. มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกถึง 1,044 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 32,896 ล้านบาท) มีเงินสดในมือถึง 5,095 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 159,121 ล้านบาท) และ EBITDA Margin สูงถึงร้อยละ 74 พร้อมเดินหน้าเข้าร่วมการประมูลสัมปทานปิโตรเลียมในอ่าวไทยที่จะหมดอายุ เพื่อรักษาความต่อเนื่องในการผลิตก๊าซธรรมชาติและรักษาความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ และขยายการลงทุนทั้งจากการเข้าซื้อกิจการและลงทุนเพิ่มเติมในแปลงสำรวจปิโตรเลียมในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง
นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท.สผ. เผยว่าในไตรมาส 1 ปี 2561 ปตท.สผ. มีรายได้รวม 1,240 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 39,105 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 148 ล้านดอลลาร์ สรอ. จาก 1,092 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 38,377 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยหลักมาจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ส่งผลให้ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยของ ปตท.สผ. อยู่ที่ 44.01 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เมื่อเทียบกับ 38.00 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในไตรมาส 1 ปี 2560 ถึงแม้ว่าต้นทุนต่อหน่วยจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 27.54 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เป็น 29.20 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ และปริมาณการขายเฉลี่ยที่ลดลงในไตรมาสนี้ที่ 293,099 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เมื่อเทียบกับ 304,108 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในไตรมาสเดียวกันของปี 2560 เนื่องจากปริมาณการขายที่ลดลงจากโครงการสินภูฮ่อมและแหล่งมอนทารา จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ในไตรมาส 1 ปี 2561 ปตท.สผ. มีกำไรจากการดำเนินงานตามปกติ (Recurring net income) จำนวน 304 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่าประมาณ 9,607 ล้านบาท) และมีกำไรจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ (Non- recurring net income) จำนวน 119 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่าประมาณ 3,774 ล้านบาท) ส่วนใหญ่เป็นกำไรและผลประโยชน์ทางภาษีที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยนจากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ.
"ปตท.สผ. เริ่มต้นการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2561 ด้วยผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ นอกจากนี้ ปตท.สผ. ยังสามารถเดินหน้าขยายการลงทุนได้ตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ ทั้งการรักษาระดับต้นทุนการผลิตในระดับที่ต่ำ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การเข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนในโครงการบงกชเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณการขายและกระแสเงินสดให้ ปตท.สผ. ได้ทันทีหลังการเข้าซื้อแล้วเสร็จสมบูรณ์ และการชนะประมูลโครงการสำรวจในพื้นที่ที่มีศักยภาพทางปิโตรเลียมสูง" นายสมพร กล่าว
ในส่วนของแผนงานที่เหลือของปี 2561 ปตท.สผ. ยังคงหาโอกาสการลงทุนเพิ่มเติม ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง พร้อมทั้งผลักดันโครงการต่างๆที่อยู่ระหว่างรอการตัดสินใจขั้นสุดท้าย โดยเฉพาะโครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน ซึ่งได้ลงนามในสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) กับบริษัท EDF ประเทศฝรั่งเศส จำนวน 1.2 ล้านตันต่อปี
นอกจากนี้ ปตท.สผ. จะเดินหน้าอย่างเต็มที่ในการเตรียมประมูลแหล่งบงกชและเอราวัณ หลังจากที่คณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ออกประกาศเชิญชวนประมูล ปตท.สผ. เชื่อมั่นว่าด้วยประสบการณ์และความชำนาญในฐานะที่เป็นผู้ดำเนินการมากว่า 20 ปี จะสามารถสร้างความต่อเนื่องในการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยต้นทุนที่แข่งขันได้ และสร้างผลประโยชน์ให้กับประเทศได้มากกว่า สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ ปตท.สผ. ที่จะช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ