กรุงเทพฯ--27 เม.ย.--การบินไทย
วันนี้ (วันที่ 26 เมษายน 2561) เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมชัยพฤกษ์ หอประชุมกองทัพอากาศ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้จัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2561 โดยมีพลอากาศเอก ตรีทศ สนแจ้ง รักษาการประธานกรรมการบริษัทฯ เป็นประธานในการประชุม และมีคณะกรรมการ ฝ่ายบริหาร และผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เข้าร่วมการประชุม มีวาระสำคัญ ดังนี้
1. เรื่องรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2560 ที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นฯ รับทราบผลการดำเนินงานประจำปี 2560 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรจากการดำเนินงานธุรกิจการบิน (Operating profit) จำนวน 2,856 ล้านบาท (ต่ำกว่าปีก่อน 29.8%) สาเหตุหลักมาจากค่าน้ำมันเครื่องบินที่ปรับตัวสูงขึ้นจากราคาน้ำมันเฉลี่ยที่สูงกว่าปีก่อน 24.2% ประกอบกับรายได้จากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อหน่วยต่ำกว่าปีก่อน 7.7% จากการแข่งขันที่รุนแรงและการปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมชดเชยค่าน้ำมัน (Fuel Surcharge) ถึงแม้ว่าจะมีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารสูงกว่าปีก่อนก็ตาม ทั้งนี้ เมื่อหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบิน และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแล้ว บริษัทฯ และบริษัทย่อย ขาดทุนสุทธิ 2,072 ล้านบาท
ในปี 2560 บริษัทฯ ได้เข้าสู่ระยะที่ 3 ของแผนปฏิรูปองค์กร คือ "การเติบโตอย่างยั่งยืน" โดยมีกลยุทธ์ในการดำเนินงาน 6 กลยุทธ์ ได้แก่ 1) พัฒนาเครือข่ายการบินที่แข่งขันได้ ทำกำไรและลดความซับซ้อนของฝูงบิน 2) เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเสริมสร้างรายได้ 3) สร้างความเป็นเลิศในการให้บริการ (Service Ring) 4) มีต้นทุนที่แข่งขันได้ และการดำเนินงานมีประสิทธิภาพ 5) สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนความยั่งยืนและพัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพดีเยี่ยม 6) บริหารบริษัทในเครือและกลุ่มธุรกิจ และพัฒนากลยุทธ์ธุรกิจใหม่เพื่อความยั่งยืน โดยได้มีการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น การเปิดเส้นทางบินตรงสู่กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย เพิ่มความถี่ของเที่ยวบินในจุดบินที่มีศักยภาพและขยายเส้นทางบินในภูมิภาคอาเซียนโดยใช้สายการบินไทยสมายล์ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เพิ่มศักยภาพฝูงบินโดยรับมอบเครื่องบินใหม่ จำนวน 7 ลำ และปลดระวางเครื่องบินเช่าดำเนินงานแอร์บัส A330-300 จำนวน 2 ลำ ทำให้ฝูงบิน ณ 31 ธันวาคม 2560 มีจำนวน 100 ลำ สูงกว่า ณ สิ้นปีก่อน 5 ลำ โดยมีอัตราการใช้ประโยชน์ของเครื่องบินเพิ่มขึ้นจาก 11.5 ชั่วโมง เป็น 12.0 ชั่วโมง มีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) เพิ่มขึ้น 6.4% ปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) เพิ่มขึ้น 14.7% อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 79.2% สูงกว่าปีก่อนซึ่งเฉลี่ยที่ 73.4% และสูงสุดในรอบ 10 ปี โดยมีจำนวนผู้โดยสารที่ทำการขนส่ง รวมทั้งสิ้น 24.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10.3%
อย่างไรก็ตาม ในปี 2560 บริษัทฯ ต้องเผชิญความท้าทายจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานที่ปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อน และการแข่งขันที่รุนแรงจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบินทั้งในประเทศและทั่วโลก ประกอบกับจากเหตุการณ์เครื่องยนต์โรลส์รอยซ์รุ่น TRENT1000 ที่ติดตั้งกับเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ที่บริษัทฯ มีอยู่ในฝูงบิน จำนวน 6 ลำ ที่ประสบปัญหาจากตัวใบพัดในเครื่องยนต์ (Turbine Blade) ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับสายการบินทั่วโลกที่ใช้เครื่องยนต์รุ่นดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ ได้รับผลกระทบกับการให้บริการและกระทบต่อตารางการบิน ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ตลอดจนสูญเสียโอกาสในการหารายได้ตามแผนที่วางไว้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาเรียกค่าชดเชยจากผลกระทบดังกล่าว
ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยประจำปี 2560 มีรายได้ รวมจำนวน 191,946 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,389 ล้านบาท (6.3%) โดยเพิ่มขึ้นทั้งจากรายได้ค่าโดยสารและค่าน้ำหนักส่วนเกิน รายได้จากค่าระวางขนส่งและไปรษณียภัณฑ์ และรายได้จากการบริการอื่นๆ โดยมีค่าใช้จ่าย รวมจำนวน 189,090 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12,604 ล้านบาท (7.1%) เป็นผลจากค่าน้ำมันเครื่องบินเพิ่มขึ้น 4,879 ล้านบาท (10.8%) จากราคาน้ำมันเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 24.2% ประกอบกับปริมาณการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณการผลิต ถึงแม้ว่าจะมีการบริหารความเสี่ยงราคาน้ำมันได้ดีขึ้นกว่าปีก่อนก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมน้ำมันสูงขึ้น 8,313 ล้านบาท (6.6%) สาเหตุหลักเกิดจากปริมาณการผลิตและปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าซ่อมแซมและซ่อมบำรุงอากาศยานเพิ่มขึ้น ขณะที่มีต้นทุนทางการเงินสุทธิ ลดลง 588 ล้านบาท (11.5%) จากการบริหารเงินสดและการปรับโครงสร้างทางการเงินต่อเนื่องจากปีก่อน เป็นผลให้มีกำไรจากการดำเนินงาน จำนวน 2,856 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อน 1,215 ล้านบาท
ในปี 2560 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว รวมจำนวน 979 ล้านบาท และรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบิน จำนวน 3,191 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 1,581 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ และบริษัทย่อย ขาดทุนสุทธิ 2,072 ล้านบาท โดยเป็นขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 2,107 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 0.97 บาท ในขณะที่ปีก่อนมีกำไร 0.01 บาท
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 280,775 ล้านบาท ลดลงจากวันที่ 31 ธันวาคม 2559 จำนวน 2,349 ล้านบาท (0.8%) หนี้สินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อย เท่ากับ 248,762 ล้านบาท ลดลง 774 ล้านบาท (0.3%) และส่วนของผู้ถือหุ้น มีจำนวน 32,013 ล้านบาท ลดลง 1,575 ล้านบาท (4.7%) สาเหตุหลัก เกิดจากผลขาดทุนจากการดำเนินงานของบริษัทฯ
2. เรื่องการงดจ่ายเงินปันผล
ที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นฯ มีมติงดจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2560 ให้แก่ ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทฯ ไม่มีผลกำไรจากการดำเนินงานในรอบปี 2560 และตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทฯ กำหนดให้บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิก่อนหักผลกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจากงบการเงินรวม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับแผนการลงทุน ความจำเป็น และความเหมาะสมอื่นๆ ในอนาคต
3. เรื่องการเลือกตั้งกรรมการบริษัทฯ ใหม่
การประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 นี้ มีกรรมการออกตามวาระ ดังนี้
1. พลอากาศเอก อำนาจ จีระมณีมัย
2. นางปรารถนา มงคลกุล
3. นายปิติพันธ์ เทพปฏิมากรณ์
4. นายพินิจ พัวพันธ์
5. นายจรัมพร โชติกเสถียร (ลาออกเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2560)
ที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นฯ มีมติแต่งตั้งกรรมการบริษัทฯ รายเดิมต่ออีกวาระหนึ่ง จำนวน 4 ท่าน ดังนี้
1. พลอากาศเอก อำนาจ จีระมณีมัย
2. นางปรารถนา มงคลกุล
3. นายปิติพันธ์ เทพปฏิมากรณ์
4. นายพินิจ พัวพันธ์
ที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นฯ มีมติให้แต่งตั้งกรรมการบริษัทฯ แทนกรรมการบริษัทฯ ที่ออกตามวาระ จำนวน 1 ท่าน ดังนี้
นางสาวศิริกุล เลากัยกุล แทน นายจรัมพร โชติกเสถียร
สำหรับการประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นฯ ในวันนี้ มีผู้ถือหุ้นเข้าร่วมการประชุมทั้งด้วยตนเอง และโดยการมอบฉันทะ จำนวน 1,111 ราย นับเป็นจำนวนหุ้นได้ 1,639,767,531 หุ้น