กรุงเทพฯ--27 เม.ย.--
ผู้ถือหุ้น BGRIM อนุมัติจ่ายเงินปันผล 0.30 บาท/หุ้น ในวันที่ 11 พ.ค.นี้ พร้อมอนุมัติออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 5 หมื่นล้านบาท รองรับแผนขยายธุรกิจต่างประเทศ วางเป้าภายใน 5 ปีข้างหน้า สัดส่วนกำลังการผลิตจากต่างประเทศขยับเพิ่มเป็น 30% จากปัจจุบันอยู่ที่ 8% ด้านผู้บริหาร "ปรียนาถ สุนทรวาทะ" มั่นใจปี 61 โรงไฟฟ้าเปิดดำเนินการตามแผนกว่า 445 เมกะวัตต์ ทำให้สิ้นปีกำลังการผลิตของบริษัทจะเพิ่มเป็น 2,091 เมกะวัตต์
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (BGRIM) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานปี 2560 ในอัตรา 0.30 บาท/หุ้น กำหนดจ่ายในวันที่ 11 พฤษภาคม 2561 นอกจากนี้ ยังอนุมัติออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 50,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี เพื่อรองรับแผนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าในอนาคต และลดต้นทุนทางการเงิน
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2561 บริษัทฯตั้งเป้ากำลังการผลิตเติบโตไม่น้อยกว่า 25% จากปีก่อนอยู่ที่ 1,646 เมกะวัตต์ มาที่ 2,091 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นไปตามการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 449 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 3 กำลังการผลิต 133 เมกะวัตต์ ซึ่งได้ COD ไปเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 ,โรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 4 กำลังการผลิต 133 เมกะวัตต์, โรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 5 กำลังการผลิต 133 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะ COD ในช่วงสิ้นไตรมาส 2 และต้นไตรมาส 4 ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 7 โครงการ กำลังการผลิตรวม 31 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ 1 โครงการใน สปป.ลาว กำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์
ส่วนแผนการลงทุนใน 5 ปี ข้างหน้า บริษัทฯวางงบลงทุนไว้ที่ 40,000 ล้านบาท หรือประมาณ 8,000 – 10,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อใช้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง เพื่อให้ปี 2565 บริษัทฯ มีโครงการโรงไฟฟ้าจำนวนทั้งสิ้น 52 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 2,518 เมกะวัตต์ ตามแผนที่วางไว้
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวอีกว่า บริษัทฯได้เข้าไปร่วมลงทุนกับพันธมิตรหลายรายในประเทศเวียดนาม เพื่อดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าประเภทโซลาร์ฟาร์ม ขนาดกำลังการผลิตมากกว่า 400 เมกะวัตต์ โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น 49- 55% และอยู่ระหว่างเจรจาเข้าร่วมลงทุนในการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาโรงงานอุตสาหกรรมอีกกว่า 70 เมกะวัตต์ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเจรจาร่วมทุน กับพันธมิตร เพื่อเข้าซื้อกิจการ (M&A) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ เบื้องต้นคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายจะมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากต่างประเทศในปี 2565 คิดเป็นสัดส่วน 30% จากปัจจุบันที่ 8 % และตั้งเป้าสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่มเป็น 30% จากเดิมที่ 12% เพื่อเป็นการเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้และกระจายความเสี่ยงของธุรกิจ