กรุงเทพฯ--30 เม.ย.--
ผู้ถือหุ้น บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) อนุมัติแตกพาร์เหลือ 0.50 บาท/หุ้น หวังเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขาย พร้อมแจกปันผลงวดครึ่งหลังปี 60 ในอัตรา 1 บาท/หุ้น เตรียมรับเข้ากระเป๋า 9 พ.ค.นี้ ด้านผู้บริหาร "ศุภชัย วีรบวรพงศ์" วางเป้ายอดขายปี 61 โตเกิน 10% พร้อมเดินหน้าบุกตลาดแก๊ส LPG ในประเทศจีนตอนเหนือ ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานดีเซล กำลังผลิต 10 MW ที่ขายไฟให้กับสหกรณ์หมู่บ้านในเมียนมา เริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/61 คาดทำรายได้ 340 ล้านบาท/ปี
นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2561 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดครึ่งปีหลังของปี 2560 ในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท โดยจ่ายจากกำไรสะสมและผลประกอบการ และเมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกของปี 2560 ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท จะเป็นเงินปันผลที่จ่ายในปี 2560 ในอัตราหุ้นละ 1.50 บาท คิดเป็นเงินรวม 1,378.40 ล้านบาท โดยการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวเป็นการจ่ายจากมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) เดิม 1.00 บาท/หุ้น กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 พฤษภาคม 2561
นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นยังอนุมัติเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) ของบริษัทฯจากเดิมมูลค่าหุ้นละ 1 บาท เป็นมูลค่าหุ้นละ 0.50 บาท พร้อมแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทข้อ 4 เป็น ทุนจดทะเบียนจำนวน 918,931,500 บาท แบ่งออกเป็น 1,837,863,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.50 บาท
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2561 บริษัทฯ เตรียมขยายตลาดเข้าสู่ประเทศจีนตอนเหนือ เพื่อขยายตลาดตามความต้องการของผู้บริโภคที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก จากปัจจุบันที่เป็นผู้นำตลาดในจีนตอนใต้ โดยเป็นผู้นำเข้า LPG ติดอันดับหนึ่งในสาม ในประเทศจีน และมีคลังเก็บก๊าซใต้ดินขนาดใหญ่สองแห่งในจีน อยู่ที่เมืองซัวเถา และเมืองจูไห่ รวมปริมาณความจุกว่า 300,000 ตัน
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาตลาดและความเป็นไปได้ใน การขายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ให้กับโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งจะได้ประโยชน์ในเรื่องของการเพิ่มสินค้าและกลุ่มลูกค้าของบริษัท
กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวอีกว่า บริษัทฯวางเป้าหมายยอดขาย LPG ในปี 2561 เติบโต 10% หรือประมาณ 3.5 ล้านตัน เทียบปีที่ผ่านมียอดขายกว่า 3.2 ล้านตัน ขณะที่รายได้ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 60,000 ล้านบาท อีกทั้งตั้งงบลงทุนในปีนี้ไว้ที่ 2,000 ล้านบาท สำหรับขยายธุรกิจ ซึ่งบริษัทฯ ยังคงมองหาลู่ทางการลงทุนใหม่ๆต่อเนื่อง เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับธุรกิจ ทั้งในส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้าหรือธุรกิจ LNG โดยปัจจุบันสัดส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อทุน (IBD/E) อยู่ในระดับต่ำเพียง 0.95 เท่า หากต้องการขอวงเงินสนับสนุนสินเชื่อจากสถาบันการเงินก็สามารถดำเนินการได้ทันที
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมา บริษัทฯและบริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเบื้องต้น (MOU) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการเป็นผู้จัดหาและจัดส่งก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas–LNG) เพื่อป้อนให้กับโรงไฟฟ้าในประเทศไทย ตามแผนสำรองพลังงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
ล่าสุด ในวันที่ 9 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานดีเซลในเมียนมา ซึ่งเป็นโครงการผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายให้กับสหกรณ์หมู่บ้านโดยตรงขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 10 เมกะวัตต์ ได้ทดลองจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเรียบร้อยแล้ว และจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/61 เป็นต้นไป โดยคาดว่าจะมีรายได้จากการขายไฟประมาณ 340 ล้านบาท/ปี