กรุงเทพฯ--30 เม.ย.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ในเดือนเมษายน 2561 สคร. จัดเก็บรายได้จากรัฐวิสาหกิจจำนวน 44,441 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย จำนวน 19,624 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 (ตุลาคม 2560 – เมษายน 2561) สคร. จัดเก็บรายได้จากรัฐวิสาหกิจ จำนวน 112,588 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายสะสม จำนวน 29,793 ล้านบาท หรือสูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 36 ซึ่งมีส่วนช่วยรักษาเสถียรภาพการคลังของประเทศ
นายชาญวิทย์ นาคบุรี รองผู้อำนวยการ สคร. ในฐานะโฆษก สคร. กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐวิสาหกิจที่นำส่งรายได้สะสมสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) โดยสาเหตุหลักที่รัฐวิสาหกิจนำส่งรายได้แผ่นดินสูงกว่าเป้าหมาย เนื่องจากรัฐวิสาหกิจมีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเพิ่มมากยิ่งขึ้นจากการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศมายกระดับกระบวนการทำงานให้มีความคล่องตัว รวดเร็ว สามารถตอบสนองต่อสภาพการแข่งขันหรือสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วได้ดีขึ้น
รัฐวิสาหกิจที่นำส่งเงินรายได้แผ่นดินสะสมสูงสุด 5 อันดับแรก
(ในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561)
รัฐวิสาหกิจและกิจการที่กระทรวงการคลัง รายได้นำส่งจริงสะสม (ล้านบาท) สัดส่วนรายได้นำส่งรายแห่งจริงสะสมเทียบกับผลรายได้นำส่งจริงสะสม(%) (ต.ค. 60– เม.ย. 61)
ถือหุ้นต่ำกว่าร้อยละ 50 (ต.ค. 60 – เม.ย. 61)
1) สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 22,510 20
2) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 20,784 18
3) บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) 17,519 15
4) ธนาคารออมสิน 16,580 15
5) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) 8,600 8
อื่นๆ 26,595 24
รวมทั้งหมด 112,588 100
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการ สคร. กล่าวสรุปว่า ในปีงบประมาณ 2561 สคร. ได้มีนโยบายสนับสนุนให้รัฐวิสาหกิจยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานผ่านการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรมมาใช้ในการปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวส่งผลดีต่อผลประกอบการของรัฐวิสาหกิจอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่ารัฐวิสาหกิจจะสามารถนำส่งรายได้แผ่นดินเป็นไปตามเป้าหมายการจัดเก็บตามเอกสารงบประมาณ 2561 ที่กำหนดไว้จำนวน 137,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยรักษาเสถียรภาพการคลังของประเทศได้อีกทางหนึ่ง