กรุงเทพฯ--30 เม.ย.--
ผู้ถือหุ้น SCI เตรียมรับเงินปันผลงวดปี 60 ในอัตรา 0.05 บาท/หุ้น วันที่ 25 พ.ค.นี้ ด้านผู้บริหาร "เกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล" มั่นใจผลงานปีนี้เติบโต ลุ้นคว้างานใหญ่ทั้งและต่างประเทศ ล่าสุดตุนงานในมือกว่า 400 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง คาดโรงงานผลิตเสาส่งไฟฟ้าในเมียนมาเริ่มเปิดให้บริการไตรมาส 3/61 หนุนรายได้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
นายเกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีไอ อีเลคตริค จำกัด (มหาชน) หรือ SCI เปิดเผยว่า การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 27เมษายน 2561 ที่ผ่านมา ผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสมและกำไรสุทธิของบริษัทในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท โดยกำหนดจ่ายในวันที่ 25 พฤษภาคม2561
"แผนการดำเนินงานในในปีนี้ เรายังคงเดินหน้าขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขยายฐานรายได้ให้กับบริษัทฯ ผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง สร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้น" นายเกรียงไกร กล่าว
ในส่วนของการลงทุนในประเทศในปีนี้จะมีการลงทุนของบริษัทร่วมทุนคือ บริษัท ทียูทิลิตี้ส์ จำกัด หรือ TU ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุนระหว่าง SCI และบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF โดย SCI ถือหุ้น 45% เพื่อลงทุนในพลังงานทดแทนและสาธารณูปโภคต่างๆ
โดยในปีนี้ TU มีเป้าหมายรับงานโซลาร์รูฟบนหลังคาโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกำลังการผลิตรวม 20 เมกะวัตต์ โดยมีโครงการที่ได้เซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับโรงงานอุตสาหกรรมไปแล้ว 4 เมกะวัตต์ โดยกำลังทยอยจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ส่วนที่เหลือคาดว่าจะทยอยติดตั้งในปีนี้และปีหน้า ส่วนโครงการอื่นๆยังคงอยู่ในขั้นตอนศึกษาความเป็นไปได้ โดยน่าจะเห็นความชัดเจนเร็วๆนี้
ปัจจุบันมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้จากในประเทศ (Backlog) ประมาณ 400 ล้านบาท แบ่งเป็นงานเสาของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ประมาณ 300 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นงานสวิตซ์บอร์ด
ในส่วนของธุรกิจเสาและสวิตซ์บอร์ดในปี 2561 คาดว่ายังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในขณะนี้บริษัทฯพยายามจะขยายตลาดเสาส่งไฟฟ้าและโทรคมนาคมไปยังเมียนมา รวมถึงงานรับเหมา EPC ด้วยเช่นกัน หากได้งานที่เมียนมา ก็จะช่วยเสริมสร้างรายได้ และกำไร ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในส่วนของรายได้ที่มาจากต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นการขยายฐานรายได้ และกระจายความเสี่ยงธุรกิจ
ส่วนความคืบหน้าการลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงและเสาสื่อสารโทรคมนาคม และชุบกัลป์วาไนซ์ ที่เมียนมา คาดว่าจะสามารถเริ่มเปิดโรงงานได้ในช่วงไตรมาส 3/61 และจะเริ่มผลิตได้ตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 61 เป็นต้นไป โดยเน้นขายภายในประเทศเป็นหลัก
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีไอ อีเลคตริค จำกัด (มหาชน) กล่าวอีกว่า ธุรกิจเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงในเมียนมาร์มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายเร่งขยายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน อีกทั้งภาคเอกชนก็เร่งขยายเครือข่ายโทรคมนาคมให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ ล่าสุด SCI ได้จับมือกับพันธมิตรในเมียนมา และจีน เพื่อพัฒนาโครงการสายส่งร่วมกัน ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยบริษัทฯต้องการที่จะเข้าไปรับงาน EPC ในเมียนมา เช่นเดียวกับที่ทำใน สปป.ลาว ซึ่งหากเจาะตลาดในเมียนมา ได้สำเร็จ บริษัทจะกลายเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้รับเหมา ซึ่งงานทั้ง 2 ด้านมีการเกื้อหนุนกัน ผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคงในอนาคต