กรุงเทพฯ--30 เม.ย.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 30 เมษายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,316.56-1,326.43 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,750 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,800 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFM18 อยู่ที่ 19,820 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,870 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.10 น. ของวันที่ 30/04/61)
แนวโน้มวันที่ 02 พฤษภาคม 2561
สหรัฐได้กำหนดภาษีนำเข้าเหล็กกล้า 25% และอะลูมิเนียม 10% ในเดือนมี.ค. แต่มอบสิทธิ์ละเว้นชั่วคราวถึงวันที่ 1 พ.ค. ทั้งนี้ สหรัฐกำลังพิจารณาผ่อนผันยืดระยะเวลายกเว้นไม่เก็บภาษีดังกล่าวออกไปให้กับประเทศพันธมิตร โดยเส้นตายสำหรับแคนาดาและเม็กซิโกได้ถูกเลื่อนออกไป เพราะอยู่ระหว่างการเจรจาภายใต้กรอบข้อตกลงการค้าเสรีทวีปอเมริกาเหนือ (NAFTA) แต่การเจรจากรณีของบราซิล ออสเตรเลีย และอาร์เจนติน่า ยังไม่มีความชัดเจน ขณะที่ผู้นำเยอรมนี, ฝรั่งเศส และ อังกฤษเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐหลีกเลี่ยงการกำหนดมาตรการทางการค้าฝ่ายเดียว การสนทนาร่วมกันทางโทรศัพท์ ในประเด็น EU ควรปกป้องสมาชิก 28 ประเทศ และเตรียมความพร้อมในการปกป้องผลประโยชน์ของตน โดยหวังว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐจะตัดสินใจให้สิทธิ์ละเว้นภาษีแบบถาวร นอกจากนี้นักลงทุนจับตา คณะตัวแทนเจ้าหน้าที่สหรัฐ ซึ่งรวมถึงนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลัง และคณะที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจและการค้าระดับสูงของปธน.ทรัมป์ อันได้แก่ นายแลร์รี คุดโลว์, นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ และนายปีเตอร์ นาวาร์โร จะเดินทางไปยังจีนในช่วงต่อไปของสัปดาห์นี้ เพื่อเจรจาการค้า เพราะหากแนวโน้มสถานการณ์สงครามการค้าคลี่คลายลงลด ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเช่นทองคำก็จะลดลงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ เนื่องจากปริมาณการซื้อขายจากจีนอาจเบาบางลงเนื่องจากตลาดจีนปิดทำการในวันที่ 30 เม.ย.- 1 พ.ค.ในวันแรงงาน (Labor Day) และนักลงทุนรอผลการประชุมกำหนดนโยบายวันที่ 1-2 พ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) แม้คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลง แต่นักลงทุนยังต้องจับตาท่าทีและการส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินว่าจะเปลี่ยนแปลงไปจากช่วงก่อนหน้าหรือไม่ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการคาดการณ์ทิศทางอัตราดอกเบี้ยและราคาทองคำ สำหรับนักลงทุนระยะสั้นแนะนำซื้อในบริเวณแนวรับเพื่อหาจังหวะขายทำกำไรจากการตัวขึ้น โดยควรตั้งจุดขายทำกำไรและจุดตัดขาดทุน
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจี แนะนำรอจังหวะเข้าซื้อ โดยสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้อาจเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณ 1,315 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อยแนะนำให้รอดูการสร้างฐานของราคา หรือ หากราคาหลุดแนวรับแรก ใช้โซนแนวรับถัดบริเวณ 1,302-1,294 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในการเข้าซื้อ และรอขายทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้านแรกที่ 1,337 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนที่เหลือให้รอไปปิดสถานะทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,346 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุน รวมทั้งพิจารณาการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทประกอบการตัดสินใจลงทุน
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,315 (19,600บาท) 1,302 (19,400บาท) 1,294 (19,250บาท)
แนวต้าน 1,337 (19,950บาท) 1,346 (20,100บาท) 1,356 (20,250บาท)
GOLD FUTURES (GFM18)
แนวรับ 1,315 (19,780บาท) 1,302 (19,590บาท) 1,294 (19,470บาท)
แนวต้าน 1,337 (20,120บาท) 1,346 (20,250บาท) 1,356 (20,400บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999