กรุงเทพฯ--8 มี.ค.--กทช.
จากที่ได้เกิดเหตุการณ์คลื่นสึนามิใน 6 จังหวัดภาคใต้ ด้านชายฝั่งทะเลอันดามัน เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 เป็นเหตุให้โครงข่ายโทรคมนาคมล่มใช้การไม่ได้ ทำให้การติดต่อสื่อสารเพื่อการช่วยเหลือหรือแจ้งเตือนภัยขาดหาย ความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินจึงเกิดขึ้นอย่างมากมาย แต่ยังเป็นความโชคดีที่ภัยพิบัติไม่รุนแรงมากไปกว่านี้ เนื่องจากนักวิทยุสมัครเล่นใน 6 จังหวัดที่ประสบภัย ได้สนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะวิกฤต เกี่ยวกับการรายงานเหตุการณ์ที่พบเห็น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบได้ทราบ ส่งผลให้การช่วยเหลือรวมถึงการค้นหาผู้เคราะห์ร้าย ดำเนินไปได้ในระดับที่น่าพอใจ
พลเอก ชูชาติ พรหมพระสิทธิ์ ประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กล่าวว่า ผลจากการปฏิบัติงานของนักวิทยุสมัครเล่น ได้รับการชมเชยจากทุกฝ่ายว่ามีส่วนช่วยเหลือเป็นอย่างดี ดังนั้น ในฐานะที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ รับผิดชอบเกี่ยวกับคลื่นความถี่วิทยุ จึงได้สนับสนุนการปฏิบัติงานของนักวิทยุสมัครเล่น รวมทั้งส่งเสริมความรู้ด้วยการจัดให้มีการอบรมนักวิทยุสมัครเล่นใน 6 จังหวัดที่ประสบภัยจากคลื่นสึนามิเป็นกรณีพิเศษ ในวันเสาร์ที่ 5 มีนาคม 2548 ณ จังหวัดภูเก็ต โดยมีผู้เข้ารับการอบรมจำนวน 2,500 คน จากที่มีผู้สมัครเข้ารับการอบรมกว่า 5,000 คน
สำหรับวิชาที่อบรมได้แก่ความรู้เกี่ยวกับเทคนิค และความรู้ทั่วไปที่นักวิทยุสมัครเล่นควรจะทราบ กฎระเบียบเกี่ยวกับการใช้คลื่นความถี่วิทยุ การประพฤติปฏิบัติตนในการใช้วิทยุสมัครเล่น ให้เกิดประโยชน์แก่สังคมโดยไม่นำไปใช้ในทางที่ผิดใช้เวลาในการอบรม 1 วัน และเมื่ออบรมเสร็จแล้วได้มีการมอบประกาศนียบัตรให้ ก่อนที่จะได้รับบัตรประจำตัวนักวิทยุสมัครเล่น เพื่อเป็นนักวิทยุสมัครเล่นที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งหลัง จากอบรมรุ่นนี้แล้วจะมีการอบรมรุ่นที่ 2 ที่มีผู้ยื่นความจำนงสมัครเข้ารับการอบรมอีกประมาณ 2,500 คน
นอกจากนี้แล้ว เพื่อเป็นการส่งเสริมให้มีนักวิทยุสมัครเล่นเพิ่มขึ้น จากที่มีอยู่ในขณะนี้กว่าแสนคน เนื่องจากนักวิทยุสมัครเล่นเป็นผู้ที่อุทิศตนเพื่อช่วยเหลือสังคม ในการติดต่อแจ้งข่าวสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับภัยพิบัติ อุบัติเหตุ ปัญหาการจราจร การป่วยเจ็บ หรือเหตุด่วนเหตุร้ายอื่น ๆ ที่ได้พบเห็น ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบทราบเพื่อดำเนินการช่วยเหลือแก้ไข สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ จึงพร้อมที่จะจัดส่งวิทยากรไปให้การอบรม แก่โรงเรียนหรือสถาบันต่าง ๆ ที่ขอความร่วมมือมา พร้อมทั้งมอบประกาศนียบัตรเพื่อรับรองว่าได้ผ่านการอบรมแล้วให้ด้วยทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เยาวชน มีความสนใจในเรื่องเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม รวมทั้งเป็นการสำรองข่ายสื่อสารในยามฉุกเฉิน--จบ--