กรุงเทพฯ--3 พ.ค.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จับมือ Germany Accelerator South East Asia (GASEA) หน่วยงานของกระทรวงความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา และ enpact หน่วยงานภายใต้ Startup AsiaBerlin (SUAB) ของกระทรวงเศรษฐกิจและพลังงาน เพื่อส่งเสริมร่วมมือในระดับนานาชาติในการพัฒนาระบบนิเวศและผลักดันสตาร์ทอัพให้ก้าวสู่เวทีต่างประเทศ โดยภายใต้ความร่วมมือนี้มีกิจกรรมที่สำคัญ 5 ด้าน อาทิ การพัฒนาแพลตฟอร์ม Accelerator เพื่อให้เข้าถึงข้อมูลการขยายตลาดยุโรปและอาเซียน การร่วมกันพัฒนาเครื่องมืองการวิเคราะห์ระบบนิเวศสตาร์ทอัพในระดับเมือง การอำนวยความสะดวกด้านการจัดตั้งบริษัทและพื้นที่การดำเนินธุรกิจทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งหน่วยงานฝั่งเยอรมันยังได้ให้ความสนใจในเรื่องเออเบิร์นเทค (Urban Tech) และฟินเทค (Fin Tech) และเตรียมวางแผนกิจกรรมที่จะทำร่วมกันในอนาคตอันใกล้นี้
ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ภายใต้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาขีดความสามารถสตาร์ทอัพไทยให้เติบโตในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะในการขยายตัวสู่ระดับเมือง ล่าสุดจึงได้ลงนามความร่วมมือกับ Germany Accelerator South East Asia (GASEA) หน่วยงานของกระทรวงความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา ที่มีภารกิจในการสร้างและผลักดันสตาร์ทอัพให้เติบโตออกสู่ตลาด พร้อมด้วย enpact หน่วยงานภายใต้ Startup AsiaBerlin (SUAB) ของกระทรวงเศรษฐกิจและพลังงาน ที่มีภารกิจในการสร้างแพลตฟอร์มเพื่อการเชื่อมต่อระบบนิเวศสตาร์ทอัพในแต่ละเมือง รวมไปถึงระหว่างเยอรมันและอาเซียน โดยการลงนามในครั้งนี้ทั้ง 3 หน่วยงาน ล้วนมีเป้าประสงค์เดียวกันคือการสร้างความร่วมมือในระดับนานาชาติเพื่อส่งเสริมสตาร์ทอัพของประเทศตนเองให้ก้าวไปสู่เวทีต่างประเทศ และแลกเปลี่ยนและพัฒนาระบบนิเวศสตาร์ทอัพร่วมกัน ซึ่งถือเป็นประโยชน์ที่จะเอื้อต่อการพัฒนาประเทศไทยตามนโยบาย Thailand 4.0 และช่วยให้ประเทศก้าวไปสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรมได้รวดเร็วขึ้น
ด้าน ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำหรับกิจกรรมความร่วมมือภายใต้ความร่วมมือนี้ ประกอบด้วย 1) การพัฒนาแพลตฟอร์ม Accelerator ร่วมกันเพื่อเป็นสะพานเชื่อมให้สตาร์ทอัพในเมืองหลวงของทั้งสองประเทศเข้าถึงข้อมูลการขยายตลาดยุโรปและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2) การเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีและการลงทุนของทั้ง 2 เมืองมหานคร โดยเน้นเข้าถึงแหล่งเงินทุน องค์ความรู้ทางด้านเทคนิค และระบบเมนเทอร์ (Internation Mentoring Program) 3) การประเมินและการวิเคราะห์พัฒนาการของระบบนิเวศ ผ่านการร่วมกันพัฒนาเครื่องมือการวิเคราะห์พัฒนาการของระบบนิเวศสตาร์ทอัพในระดับเมือง 4) การสร้างเครือข่ายผู้พัฒนาระบบนิเวศสตาร์ทอัพในเมืองต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน นักลงทุน หน่วยงานส่งเสริม และสมาคมที่เกี่ยวข้อง และ 5) การอำนวยความสะดวกด้านการจัดตั้งบริษัทและพื้นที่การดำเนินธุรกิจทั้ง 2 ฝ่าย เช่น การได้รับสิทธิประโยชน์ในการทำงานของสตาร์ทอัพต่างชาติในไทย (Smart Visa) เป็นต้น
ทั้งนี้ เยอรมันได้ให้ความสนใจในเรื่อง Urban Tech และ Fin Tech เป็นพิเศษ ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้จะมีการนำเสนอแผนความร่วมมือทั้งในระยะสั้น และระยะยาวเพื่อนำไปสู่การพัฒนาสตาร์ทอัพด้านธุรกรรมการเงินและนวัตกรรมเมืองในทิศทางที่สอดคล้องกัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการช่วยกระตุ้นความสนใจจากนานาชาติที่จะเพิ่มการลงทุนในแต่ละประเทศ ในอนาคตอีกด้วย ดร.พันธุ์อาจ กล่าวสรุป
สำหรับผู้ประกอบการ และสตาร์ทอัพที่สนใจรายละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โทรศัพท์ 02 - 017 5555 หรือ www.nia.or.th