กรุงเทพฯ--4 พ.ค.--
รายการโหนกระแส วันที่ 4 พ.ค. เสนอเรื่องราวการร่วมแรงร่วมใจรวมพลังหาร 2 ในการประหยัดพลังงาน โดย "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.20 น. ได้เปิดใจตัวแทนคนบันเทิง กาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ,ป้าตือ สมบัษร ถิระสาโรช และ "ซาร่า เอเอฟ" หรือ "นลิน โฮเลอร์" ที่ครั้งหนึ่งเคยมีจิตสำนึกไม่ดีในเรื่องการประหยัดพลังงาน แต่วันนี้พวกเขามีจิตสำนึกที่ดีแล้ว
กาละแมร์ คุณเป็นคนไม่ค่อยประหยัดพลังงาน?
กาละแมร์ : "ถ้าไปรถเมื่อก่อนก็ไปคนเดียวไม่เรียกใคร เราจะรีบไปของเรา แต่หลังๆ เรารู้สึกว่ารถเราก็ใหญ่ มีที่ว่าง เราก็จะดูว่ามีเพื่อนคนไหนไปทางเดียวกับเรา ไปในที่เดียวกัน เวลาเดียวกัน เราก็จะฮัลโหลเรียกเลย สมมุติไปสนามบิน ก็จะไม่ใช่ต่างคนต่างไป จากที่ไปหลายๆ คัน ก็ให้มาขึ้นรถที่เดียวกัน"
ประหยัดพลังงานตรงไหน?
กาละแมร์ : "คุณ ไปพร้อมกัน น้ำมันก็ไม่ต้องเสีย กว่าจะหาว่าที่จอดอีก หงุดหงิดอีก ตกเครื่องอีก ไปด้วยกัน นั่งรถคันเดียวกัน เมาท์มอยสนุกสนาน หรือเวลาเลิกงานอีเวนต์เด็กๆ แฟนคลับไป บางคนขับรถไปคนละคัน เราก็บอกเอางี้ มาจอดรถบ้านเราทีเดียวแล้วไปด้วยกัน คือไม่งั้นกว่าจะไป กว่าจะจอด รวมกันไปในทางเดียวกัน"
คุณกำลังพูดเรื่องพลังงานน้ำมัน?
กาละแมร์ : "ใช่ คุณรู้มั้ยเวลาเราออกรถเยอะๆ แล้วควันมันขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ เราเคยไปคุยกับน้องเชอรี่ เข็มอัปสร เขาบอกว่ารู้มั้ยทำไมเดี๋ยวนี้ อยู่ดีๆ ทำไมฝนตกนอกฤดูกาล ทำไมร้อนมากผิดปกติ ทำไมน้ำแข็งขั้วโลกละลาย เพราะชั้นบรรยากาศโดนทำลายไปหมดแล้ว ทุกวันนี้เราเริ่มได้รับผลกระทบ จากธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลง ก็เริ่มจากนี่แหละความร้อน ฝุ่นควันต่างๆ มันไปทำลายในชั้นบรรยากาศโลก อายุเท่านี้ยังรู้สึกขนาดนี้ อีก 20 ปีมันจะขนาดไหน"
หลายคนบอกว่าอย่าโทษธรรมชาติ?
กาละแมร์ : "ธรรมชาติไม่ได้ทำอะไรเลย เราไปทำลายเขา แล้วไปรุกรานตัดไม้ทำลายป่าอีก"
ถ้าไปสิบคนไปสิบคัน มลพิษจะมากขึ้น แต่ถ้าไปคันเดียวก็แค่หนึ่งคัน?
กาละแมร์ : "ใช่แล้วไม่ต้องหงุดหงิดเรื่องรถติดด้วย"
ซาร่า : "ที่ดีมากๆ หนูเคยไปพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่ง เขาบอกว่าอะไรที่ทำให้โลกหรือมลภาวะแย่ หนูเปิดออกมาเป็นกระจก ซึ่งมันสะท้อนตัวเราเอง ก็มนุษย์นี่แหละค่ะ ที่เป็นตัวทำร้ายโลก"
กาละแมร์ : "(ปรบมือ) สวย"
ป้าตือ : "เราทุกคนเป็นคนมีสาระ"
ป้าตือเมื่อก่อนเป็นคนที่เยอะมาก?
ป้าตือ : "เยอะมาก พูดตรงๆ สมัยก่อนอะไรก็ขอเดี่ยว ไม่ชอบยุ่งกับใครตั้งแต่เด็กๆ แล้ว อย่างเช่นเวลาจะกิน ก็ขอนั่งกินพื้นที่ใหญ่ๆ คนเดียว ไม่ต้องยุ่งกับใคร เข้าบ้านปุ๊บก็เปิดแอร์หลายตัวให้เย็นฉ่ำ ที่สำคัญบอกให้เขาเปิดรอไว้ครึ่งชม. ไปถึงปุ๊บเย็นทันที เป็นคนแบบนี้"
แล้วมันทำลายเรื่องพลังงานหรือบรรยากาศ เกี่ยวมั้ย?
ป้าตือ : "มันเกี่ยวสิคุณ เกี่ยวกับเรื่องน้ำมัน ทุกอย่างเรื่องพลังงานทุกอย่างที่เกิดขึ้น เราว่าทุกวันนี้สิ่งที่เกิดขึ้น เราว่าคนมันเยอะ"
เรื่องไปขึ้นลิฟต์คนเดียว มีคนแบบนี้ด้วยเหรอ?
ป้าตือ : "เราจะบอกว่าเราเคยเป็นอย่างนี้ เราก็รู้สึกว่าเราเคยมีประสบการณ์ เราขึ้นลิฟต์แล้วรังเกียจคนที่ไอ อยู่ข้างๆ วุ่นวายไปหมด วันดีคืนดี เวรกรรมตามทัน รีบร้อนจะไปขึ้นลิฟต์ ปรากฏว่าเขาปิดใส่ เรายืนรอเกือบครึงชม.ตั้งแต่นั้นมาปฏิญาณตนว่าฉันจะไม่ทำแบบนี้กับใครแล้ว ฉันจะขอแชร์ แล้วเวลาอยู่ในลิฟต์ กดออดรอเลย จะไปไหนคะ คือเรารู้สึกว่าสิ่งนี้มันเป็นหน้าที่เลยค่ะ"
อยากรู้ว่าการไปขึ้นลิฟต์หลายๆ คนประหยัดพลังงานตรงไหน?
กาละแมร์ : "ลิฟต์เวลาขึ้นแต่ละครั้งเสียเงินเป็นหลายสิบบาทเลยนะ ค่าไฟ ค่าอะไรต่างๆ พวกนี้เป็นพลังงาน แล้วอย่างน้ำมันเป็นพลังงานที่วันหนึ่งจะหมดไป แล้วไฟฟ้าหรืออะไรต่างๆ ทุกวันนี้เรามีใช้ เราไม่คำนึงว่ามันจะหมด แต่มันหมดได้นะ ถ้าเราไม่ประหยัด"
ป้าตือ : "รุ่นเรายังโชคดีที่ยังมีโอกาสได้ใช้ แต่อีกหน่อยรุ่นลูกจะทำยังไงคะคุณ"
กาละแมร์ : "ต้องจุดเทียนแล้วค่ะคุณ"
ป้าตือ : "ไม่ใช่แค่วันหนึ่งนะ เดี๋ยวนี้บางประเทศหมดแล้วคุณขา"
กาละแมร์ : "ต่อไปจะแพงมากขึ้นนะ ถ้าไม่ประหยัด ต่อไปจะเกิดสงครามแย่งพลังงานเกิดขึ้น อย่างบ้านต้องการความสว่าง ต้องการความเย็น มันก็ตีกันนะ"
คำว่าหารสอง มันคืออะไร?
กาละแมร์ : "ถ้าปกติเราเคยใช้อะไรคนเดียว ทำคนเดียว แล้วเสียเงินไปก้อนหนึ่ง ต้องใช้พลังงานไปก้อนหนึ่ง แต่ถ้าเราหารสอง หาคนมาหารด้วย เหมือนเรากินข้าว มันก็ประหยัด ใช้พลังงานก้อนเดียว แต่ใช้เพิ่มเป็นสองสามสี่ห้าคน อย่างเปิดแอร์ เราอยู่ห้องคนเดียว ทั้งที่มีคนอยู่ด้วยกันเยอะ ๆ หารเป็นตัวเลขมันก็ประหยัด"
ป้าตือ : "คุณดูเดี๋ยวนี้หลายๆ เมือง แม้แต่ในเมืองไทยก็มีสถานที่เป็นโอเพ่นสเปซ ให้คนมาทำกิจกรรมด้วยกันโดยที่เขาเปิดกว้าง เป็นสเปซที่มาทำอะไรๆ ร่วมกัน ทำงาน มาประชุม มาทำอะไรทุกอย่าง ตอนนี้ตามตึกต่างๆ ในกรุงเทพฯ หรือหัวมุมทั่วโลกเขามีแบบนี้ให้ใช้"
ซาร่าล่ะ?
ซาร่า : "จริงๆ หนูได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แต่ว่าพอไม่มีการรณรงค์ ไม่มีการทำให้เห็นจากตัวอย่าง จากผู้ใหญ่ เรื่องพลังงานหารสองมันก็เลยหายไป มันเป็นแค่คำพูดคำหนึ่งที่แค่พูดไป แต่ไม่มีใครปฏิบัติจริงๆ"
คุณเคยมั้ย เมื่อก่อนใช้พลังงานฟุ่มเฟือย?
ซาร่า : "จริงๆ หนูมาจากเชียงใหม่ เป็นบ้านหลังเล็กๆ ทุกคนอยู่รวมกันเป็นครอบคัวใหญ่ การทำอะไรด้วยกันเลยเป็นกิจวัตรประจำวันมาโดยตลอด แต่พอโตมาได้ทำงานในวงการมากขึ้น สิ่งที่อัดอั้นมานานคือการใช้โซเชียล การเล่นโทรศัพท์มือถือ การใชสมาร์ทโฟน เวลานัดเพื่อนไปกินข้าวกัน วันหนึ่งหนูทำมือถือหาย มือถือโดนขโมยไปต่างประเทศ ก็ได้สังเกตพฤติกรรมคนรอบข้างมากขึ้น ว่าเขาอยู่กันยังไง ทุกคนอยู่กับมือถือหมดเลย มันไม่มีปฏิสัมพันธ์กันเท่าที่ควร เป็นอย่างนี้ทั้งโต๊ ไม่ใช่แค่โต๊ะเราโต๊ะเดียว เราก็คิดว่ามันน่าจะมีวันลดโซเชียลของโลกนะ เท่านั้นไม่พอ คนที่แบดจะหมดก็ไปโต๊ะอื่นไปชาร์จหาไปเล่นกระจายกันหมดเลย ล่าสุดไปต่างจังหวัดกับเพื่อน นั่งรอขึ้นเครื่องกับพื้น แต่ละคนก็อยู่คนละมุม ชาร์จโทรศัพท์เล่นมือถือ เรารู้สึกสังคมมันห่างกันมากขึ้น แล้วที่น่าเสียใจที่สุดคือแม่กับลูกนั่งใกล้กัน แต่ปล่อยให้ลูกเล่นโทรศัพท์มือถือใส่หูฟัง คุณแม่ก็เล่นโทรศัพท์ด้วย เราก็คิดว่าสัมพันธ์ของคนสมัยนี้หายไปไหนกันหมด ถ้าพ่อแม่สนับสนุนให้ลูกเล่นโซเชียลแต่เด็กๆ โตขึ้นมาเขาจะกล้าเจอสังคมจริงๆ ได้ยังไง ในเมื่อเขาอยู่กับตัวเขาเอง"
เกี่ยวข้องกับพลังงานได้ยังไง?
ซาร่า : "เกี่ยวข้องมากค่ะ ถือได้ว่าสมาร์ทโฟนเป็นอวัยวะที่คนขาดไม่ได้เลย อินเตอร์เน็ตเทคโนโลยีพัฒนาไปไกลขึ้นแต่คนยังพัฒนาไม่เท่าเทคโนโลยี ยังไม่รู้วิธีการใช้อย่างถูกต้อง อาจใช้ตลอดเวลา ทั้งวัน จริงๆ มีลิมิตของมัน คุณใช้ทั้งวันก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอันซะที ก็เหมือนใช้พลังงานไปเรื่อยๆ แต่หนักกว่านั้นคือสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ที่สร้างมาให้คนเรามีจิตสำนึกซึ่งกันและกัน เมื่อก่อนเขาใช้จิตสื่อถึงกันได้ แต่ตอนนี้ใช้เทคโนโลยีแล้ว"
กาละแมร์ : "เหมือนเราคิดถึงใคร เขาก็คิดถึงเรา"
ป้าตือ : "อันนี้ขอแนะนำ เวลาไปประชุม ตือมีประชุมเยอะมาก จริงๆ ตัวเราเวลาประชุมคนเยอะมาก เราเลยมีกฎอันหนึ่งของพนักงาน จะมีโต๊ะที่วางมือถือไว้เลยวางไว้บนโต๊ะ เลิกประชุมก็ค่อยเอามือถือไป เพราะมันไม่มีสมาธิ ที่สำคัญคือมันต้องหารสองจริงๆ พอเล่นเยอะ ไฟหมดเร็ว ก็ต้องไปชาร์จมันอีก ก็เปลืองไฟอีก"
ซาร่า : "ถามว่าขาดมันได้มั้ยสมัยนี้ก็ขาดมันไม่ได้นะ แต่แค่ให้รู้จักใช้ให้มากขึ้น"
ป้าตือ : "กลุ่มเพื่อนตือมีกฎอย่างหนึ่ง สมมติเรานั่งกินข้าวกัน จะไม่ให้เล่นมือถือเลย จะมีเพื่อนบอกว่าหยุด ให้กินข้าว"
ผมมีบอกเพื่อนให้หยุด แต่เขาบอกเรื่องของกู?
ป้าตือ : "ก็หารสองสิคะคุณ ก็เลิกคบ(หัวเราะ)"
เลยรู้สึกอยากปลุกจิตสำนึกซะใหม่?
กาละแมร์ : "สมมุติดูทีวีในบ้าน ถ้าดูเรื่องเดียวกัน ช่องเดียวกัน ควรนั่งดูด้วยกัน จะเปิดแอร์ก็เปิดแล้วอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่แยกกระจาย"
ไม่ดูเป็นการบังคับจิตใจกันมากเกินไปเหรอ?
กาละแมร์ : "ถ้าคนละเรื่องคนละอย่างก็โอเค จะได้ไม่ตีกัน ถ้าเป็นเรื่องเดียวกัน ช่องเดียวกัน อยู่บ้านหลังเดียวกัน ก็อยู่ในห้องเดียวกันไง"
ซาร่า : "แล้วสมัยนี้นะคะ เปิดแอร์เย็นมาก อากาศร้อนเปิดแอร์ แต่อาบน้ำอุ่น มาตากแอร์แล้วห่มผ้า ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดเลยโลกสมัยนี้"
กาละแมร์ : "แล้วที่ญี่ปุ่นบางทีในออฟฟิศจะเปิดแอร์เย็นมาก คนหนึ่งก็ต้องใส่เสื้อหนาว ญี่ปุ่นเป็นแบบนี้เลยนะ เป็นวันถอดสูทเพราะเขาจะได้ไม่ต้องเร่งแอร์ให้มันเย็นมาก เป็นการประหยัดพลังงานอย่างหนึ่ง"
ซาร่า : "แล้วใครที่กำลังสร้างบ้าน ขอแนะนำหน่อย หนูกำลังสร้างบ้านให้แม่ที่เชียงใหม่ แล้วไปศึกษามาเยอะมาก บางอย่างสามารถเลือกใช้วัสดุที่ทำให้บ้านเย็นได้ หรือโครงสร้างต่างๆ ที่ทำให้แสงสามารถผ่านเข้ามาในช่วงกลางวันได้ เราจะได้ไม่ต้องเปิดไฟตอนกลางวัน ไม่ต้องเปิดแอร์ให้บ้านร้อนเพราะธรรมชาติมันทำให้บ้านเราเย็นได้"
ครั้งหนึ่งเราเคยไปที่เป็นบ้านดิน?
ซาร่า : "เป็นโครงการหลวงของในหลวง เราสามารถทำได้จริงๆ ใครจะปลูกบ้าน สร้างบ้าน สร้างออฟฟิศ ลองไปศึกษาดู มีหลายวิธีมากที่จะช่วยกันประหยัดพลังงานได้ไม่ได้เสียแค่โลกอย่างเดียว ตัวเราเองก็ประหยัดได้ด้วย"
กาละแมร์ : "ทุกวันนี้คนเราสามารถออกกำลังกายและประหยัดพลังงานไปได้ด้วย เรามีรองเท้าออกกำลังกายติดตัวตลอดเวลา บางทีไปอีเวนต์รถติดหนูก็ขึ้นรถไฟฟ้า เปลี่ยนเป็นรองเท้ากีฬา แล้วเดิน หรือบางทีไปสวนลุม ก็เดินไปจากบ้านหรือวิ่งไปจากบ้าน ทำระยะไปก่อน"
ขึ้นรถไฟฟ้า ไม่ขับรถ?
กาละแมร์ : "ถ้าวันไหนรถติดมากแล้วไปไม่ทัน ก็จอดรถไว้ที่บ้าน นั่งรถไฟฟ้า ก็เป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่งด้วย"