กรุงเทพฯ--7 พ.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 07 พฤษภาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,311.40-1,318.94 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,800 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,750 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFM18 อยู่ที่ 19,910 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 80 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,830 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.34 น. ของวันที่ 07/05/61)
แนวโน้มวันที่ 08 พฤษภาคม 2561
ความวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้าอาจจะกลับมา หลังจากที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนไม่มีความคืบหน้าอย่างเห็นได้ชัด นายอี้ กัง ผู้ว่าธนาคารกลางจีน (PBOC) แสดงความเห็นว่า ความไม่สมดุลทางการค้าปริมาณ "มหาศาล" ของจีนกับสหรัฐเป็นปัญหาทางโครงสร้างระยะยาวและควรพิจารณาด้วยเหตุผล ขณะที่ความตึงเครียดทางการค้ากำลังกระจายไปสู่ประเด็นอื่นๆ โดยจีนและสหรัฐมีความเห็นไม่ตรงกันอย่างมากในประเด็นวิธีที่จะอ้างอิงถึงไต้หวัน, ฮ่องกง และมาเก๊า ซึ่งทำเนียบขาววิจารณ์ความพยายามของจีนอย่างหนักในการบังคับและควบคุมให้สายการบินต่างชาติเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้ภาษาที่ใช้กล่าวถึงไต้หวัน, ฮ่องกง และมาเก๊า ทั้งนี้นักลงทุนจับตา ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐจะตัดสินใจขั้นต่อไป ซึ่งข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนกระตุ้นแรงซื้อเข้าสู่ตลาดทองคำ สอดคล้องกับ ข้อมูลของคณะกรรมาธิการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) ของสหรัฐแสดงในวันศุกร์ว่า กองทุนเฮดจ์และผู้จัดการกองทุนลดการเข้าซื้อสุทธิในสัญญาทอง COMEX ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดในวันที่ 1 พ.ค. ทั้งนี้ การแข่งขันด้านต้นทุนในกลุ่มกองทุน ETF ทองคำ ที่มีการเปิดตัวกองทุนใหม่ๆ โดยลดค่าธรรมเนียมการจัดการเพื่อขจัดคู่แข่งที่เก็บค่าธรรมเนียมด้วยราคาที่ต่ำกว่า ได้เพิ่มความน่าสนใจในการลงทุนทองคำเพิ่มมากขึ้น โดยสภาทองคำโลก (WGC) ซึ่งเป็นผู้ดูแล กองทุน SPDR Gold Trust เตรียมเปิดตัวกองทุนใหม่ โดยทำให้ค่าธรรมเนียมการจัดการลดลง อย่างไรก็ตามราคาทองคำยังคงถูกกดดันจากดอลลาร์สหรัฐปรับแข็งค่าขึ้นสู่ระดับสูงสุดของปีนี้เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินสำคัญ โดยไม่ได้รับผลกระทบจากข้อมูลจ้างงานของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดการณ์ ประกอบกับ ดอลลาร์ฝ่าขึ้นเหนือระดับเคลื่อนตัวเฉลี่ยรอบ 200 วันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็นครั้งแรกในรอบปี สร้างความประหลาดใจให้กับกองทุนเฮดจ์และนักลงทุน ซึ่งทำให้เกิดแรงการเข้าซื้อคืน และเป็นการหนุนดอลลาร์มากขึ้นจากคาดการณ์ว่า เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมโยบายวันที่ 12-13 มิ.ย. ซึ่งสร้างแรงขายเข้าสู่ตลาดทองคำ
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจี แนะนำให้รอซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงไปบริเวณแนวรับที่ 1,311 หรือ 1,302 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้น อย่างไรก็ตามนักลงทุนควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาหลุดบริเวณแนวรับ เพื่อลดความเสียหายของพอร์ทการลงทุน ในขณะที่นักลงทุนที่มีทองคำในมือ ให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวหรือบริเวณแนวต้าน 1,326 หรือ 1,337 ดอลลาร์ต่อออนซ์แล้วยังไม่สามารถผ่านได้ แล้วรอไปซื้อคืนบริเวณแนวรับสำคัญ
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,311 (19,700บาท) 1,302 (19,550บาท) 1,294 (19,450บาท)
แนวต้าน 1,326 (19,950บาท) 1,337(20,150บาท) 1,348 (20,300บาท)
GOLD FUTURES (GFM18)
แนวรับ 1,311 (19,880บาท) 1,302 (19,750บาท) 1,294 (19,630บาท)
แนวต้าน 1,326 (20,120บาท) 1,337(20,280บาท) 1,348 (20,450บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999