กรุงเทพฯ--18 ต.ค.--กระทรวงพลังงาน
ก.พลังงาน ระบุวันที่ 19 ต.ค.นี้ เชื่อมั่นจะมีผู้ผลิตไฟฟ้า IPP ยื่นซองข้อเสนอหลายราย แต่วันดังกล่าวยังไม่ได้ตัดสินว่าโรงไฟฟ้าแห่งไหนจะได้ ชี้ขั้นตอนสำคัญอันดับแรกของผู้ผ่านการคัดเลือกจะต้องได้รับความเห็นชอบจาก EIA คือให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยเฉพาะการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ตามที่ กระทรวงพลังงานได้ออกประกาศเชิญชวนการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่หรือ IPP ในช่วงแรกปี 2555 — 2557 กำลังการผลิตรวมจำนวน 3,200 เมกะวัตต์ (ตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย.50) พบว่ามีผู้สนใจซื้อเอกสารออกประกาศเชิญชวนฯ จำนวน 60 ซอง ซึ่งสามารถจำแนกกลุ่มผู้สนใจซื้อเอกสาร ได้ดังนี้ (1) ผู้ลงทุนในโครงการ IPP และโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก หรือ SPP ปัจจุบัน จำนวน 29 ซอง (2) ผู้ลงทุนรายใหม่ จำนวน 25 ซอง (3) บริษัทที่ปรึกษา จำนวน 1 ซอง และ (4) บริษัทจัดหาอุปกรณ์/ก่อสร้าง จำนวน 5 ซอง
ทั้งนี้ ได้กำหนดให้ผู้สนใจทุกราย เข้ายื่นข้อเสนอในวันที่ 19 ตุลาคม 2550 ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนในการยื่นข้อเสนอ อย่างไรก็ตามในวันดังกล่าวจะยังไม่ใช่วันตัดสินว่าโครงการใดจะได้รับการอนุมัติ แต่หลักสำคัญในการพิจารณาคัดเลือกข้อเสนอ กระทรวงพลังงานได้ให้ความสำคัญกับโครงการที่จะต้องไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน รวมถึงได้รับการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นข้อกำหนดในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA (Environmental Impact Assessment)
กระทรวงพลังงาน ได้กำหนดเป็นเงื่อนไขในการพิจารณาคัดเลือกโรงไฟฟ้าว่า เจ้าของโรงไฟฟ้าจะต้องยื่น EIA ต่อสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม (สผ.) ภายในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2550 และ EIA จะต้องได้รับความเห็นชอบจาก สผ. ภายในเดือนกันยายน 2551 โครงการจึงจะสามารถทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้ ซึ่งหากโครงการฯ ไม่ได้รับอนุมัติ EIA และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายในเวลาที่กำหนด จะถูกตัดสิทธิ์การได้รับคัดเลือกให้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าทันที
“ผู้ประกอบการ IPP ที่ยื่นข้อเสนอทุกรายมีความจำเป็นต้องสร้างความเข้าใจในชุมชนพื้นที่ รวมทั้งการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส เพราะปัญหาของการก่อสร้างโรงไฟฟ้าในอดีต เป็นบทเรียนสำคัญ นอกจากนี้การกำหนดให้โรงไฟฟ้าต้องจัดทำ EIA จะทำให้มีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชนที่ดี โดยหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมจะติดตามดูแลการดำเนินการของโรงไฟฟ้าให้เป็นไปตามมาตรการการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ได้รับความเห็นชอบ ซึ่งจะทำให้การกำกับดูแลด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมของโรงไฟฟ้าเป็นไปอย่างเข้มข้น”