กรุงเทพฯ--8 พ.ค.--สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบนโยบายและตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก. โดยมีผู้บริหาร ส.ป.ก. ปฏิรูปที่ดินจังหวัด 72 จังหวัด ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องร่วมประชุม ณ ห้องประชุมไชยยงค์ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กรุงเทพฯ
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า พื้นที่ประเทศไทยมีประมาณ 320.7 ล้านไร่ แบ่งเป็นที่ดินเอกชนร้อยละ 40 และที่ดินรัฐร้อยละ 60 ซึ่งเป็นที่ดินเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก) ประมาณ 40 ล้านไร่ หรือร้อยละ 12.5 ในส่วนนี้ได้จัดที่ดินแล้ว 35.84 ล้านไร่ เกษตรกร 2.82 ล้านราย โดยเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลอาชีพ รายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรจำนวนนี้ว่าปัจจุบันมีความเป็นอยู่อย่างไร พร้อมทั้งตรวจสอบว่าปฏิบัติตามเงื่อนไขของกฎหมายหรือไม่ หากขาดคุณสมบัติจะต้องนำมาจัดสรรใหม่ นอกจากนี้ ต้องดำเนินงานตามนโยบายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนของรัฐบาล หรือคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) โดยการส่งเสริมพัฒนาอาชีพตามศักยภาพของพื้นที่
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สำหรับกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมปีงบประมาณ 2561 วงเงิน 3,800 ล้านบาทนั้น ให้ศึกษาดูว่าเป็นทุนหมุนเวียนและใช้จ่ายโดยสามารถนำมาจัดซื้อ หรือเช่าที่ดินเพื่อจัดสรรได้อีกจำนวนเท่าไร ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานในพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพครอบคลุม จึงต้องบูรณาการร่วมกับจังหวัดผ่านกลไกขับเคลื่อนของคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ (อพก.) ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เพื่อรับทราบปัญหาและหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน
นายกฤษฎา กล่าวเน้นย้ำถึงจำนวนที่ดิน 40 ล้านไร่ จากที่มีจำนวนเกษตรกรอยู่แล้ว 2.8 ล้านรายว่า ให้ไปพิจารณาดูว่าในจำนวนนี้ประกอบอาชีพเกษตรมีรายได้อย่างไร รวมถึงให้ตรวจสอบว่าในจำนวนนี้ยังปฏิบัติตามเงื่อนไขกฎหมายของ ส.ป.ก. หรือไม่ เช่น มีการนำพื้นที่ไปเช่าต่อหรือไม่ เพราะหากขาดคุณสมบัติจะได้มีการจัดสรรที่ดินใหม่ให้กับผู้ที่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย ขณะเดียวกันยังมอบให้ ส.ป.ก.ปฏิบัติหน้าที่ตามมติคณะกรรมการ จัดที่ทำกินแห่งชาติ หรือ คทช. ที่มุ่งส่งเสริมและพัฒนาอาชีพให้กับบุคคลที่ได้รับที่ดิน นอกจากนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.มีจำนวนน้อย แต่เพื่อให้งานดำเนินการตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ทรงพระราชทานที่ดินทำกินกลุ่มแรกให้ ส.ป.ก. กว่า 4 หมื่นไร่ ดังนั้นจึงเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบในส่วน 4 หมื่นไร่นี้ก่อนว่า ปัจจุบันผู้ที่ได้รับที่ดินไปมีความเป็นอยู่อย่างไร ก่อนรวบรวมข้อมูลเสนอต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์จังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานรับทราบปัญหา เพื่อพิจารณามอบหน่วยงานอื่นๆ เช่น สำนักงานเกษตรจังหวัดและเกษตรอำเภอช่วยดูแลงานของ ส.ป.ก.ด้วย โดยให้ใช้งบประมาณของกระทรวงเกษตรฯ เป็นหลัก หรืออาจเป็นงบประมาณของโครงการไทยนิยมยั่งยืน ขณะเดียวกันหากมีเกษตรกรรายใดมีความสามารถเข้าเงื่อนไขที่จะกู้ยืมเงินจาก ธ.ก.ส.ได้ ก็ให้เจ้าหน้าที่ของ ส.ป.ก.เข้าไปช่วย ซึ่งจะทำให้การดูแลเข้าถึงเกษตรกรมากขึ้น
"ส.ป.ก.ต้องดูแลเกษตรกรและพัฒนาอาชีพควบคู่กับการจัดที่ดินทำกิน เพื่อให้มีประสิทธิภาพ เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ 5 จังหวัดที่ได้รับพระราชทานที่ดินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่ปี 2518 ได้แก่ ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครปฐม และนครนายก รวมพื้นที่พระราชทาน 44,369 ไร่ 2 งาน 79 ตารางวา ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปช่วยดูแลพัฒนาอาชีพ รายได้ และความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีขึ้นได้อย่างไร" นายกฤษฎา กล่าว