กรุงเทพฯ--9 พ.ค.--
บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล อวดผลงานไตรมาส1/61กำไรพุ่งแรง 55.59%ทะลุเป้าหมาย จากยอดปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มขึ้น 16,875 ล้านบาท พร้อมขยายสาขาคึกคัก ขณะที่ควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ดีหนุนการเติบโตอย่างโดดเด่น พร้อมควบคุม NPLได้ไม่เกินระดับ 1.50% ด้าน"ชูชาติ เพ็ชรอำไพ"ประธานกรรมการบริหาร มั่นใจรายได้ปีนี้แตะ 1 หมื่นล้านบาท และยอดสินเชื่อใหม่ทุบสถิตินิวไฮต่อเนื่อง เชื่อ 3 ปีแนวโน้มธุรกิจยังเป็นขาขึ้น ส่วน พ.ร.บ.กำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงินใหม่มีความชัดเจนมากขึ้น ไม่ได้จำกัดดอกเบี้ยไว้ที่ 15% แต่สนับสนุนผู้ประกอบการเดินหน้าธุรกิจได้เป็นอย่างดี
นาย ชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2561 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 834 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 536 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 55.59% โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,348 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.22% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,563 ล้านบาท เนื่องจากยอดสินเชื่อใหม่เติบโตมากขึ้น โดยมีสินเชื่อคงค้างไตรมาสแรกอยู่ที่ระดับ 3.8 หมื่นล้านบาท จากความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อส่วนบุคคล และนาโนไฟแนนซ์ ขณะเดียวกันบริษัทฯสามารถรักษาระดับของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)ไว้ในระดับ 1.29% ส่งผลให้บริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยรับเพิ่มขึ้นด้วย
"ภาพรวมการดำเนินธุรกิจไตรมาส 1/2561 เติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยจะมีการเติบโตระดับ 40% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และสามารถควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้รายได้ หรือ NPL ให้อยู่ระดับไม่เกิน 1.5% รวมทั้งการเปิดสาขาใหม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยปัจจุบันบริษัทฯได้เปิดสาขาเพิ่มแล้ว นับตั้งแต่ต้นปี สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2561 จำนวน 214 แห่ง จากเป้าหมายที่จะเปิดสาขาจำนวน 600 สาขาภายในสิ้นปีนี้ จึงรวมเป็น จำนวนสาขาทั้งสิ้น 2,637 แห่ง" นายชูชาติกล่าว
ทั้งนี้การที่ไตรมาส 1 ปีนี้ เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ทำให้มั่นใจว่าภาพรวมทั้งปีจะสามารถเดินหน้าได้ตามแผนที่วางไว้ คือ เติบโต 40% โดยปีนี้คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท และคาดกำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตทำสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง จากปีก่อนที่ทำได้ 2,501 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ยังเติบโตได้ดี
สำหรับยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ปีนี้ น่าจะทำสถิติใหม่เช่นกัน ประเมินว่าจะทำได้เกิน 8 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตมากกว่า 40% จากปีก่อน ขณะที่ปี 2562 และปี 2563 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตเฉลี่ยมากกว่า 35% ซึ่งมีปัจจัยหนุนจากการลงทุนของภาครัฐที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นการจับจ่ายของภาคประชาชน ซึ่งสินเชื่อก็จะดีขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นธุรกิจของ MTC น่าจะยังเป็นขาขึ้นอย่างน้อยอีก 3 ปี
นายชูชาติกล่าวว่าการที่ภาครัฐออกพ.ร.บ.กำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงิน ฉบับใหม่นั้น มีความชัดเจนมากขึ้น โดยไม่ได้จำกัดดอกเบี้ยไว้ที่ 15% ตามที่นักลงทุนมีความกังวล แต่ให้คิดดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ และเมื่อมีการบังคับใช้จะส่งผลดีกับทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นการดูแลให้การให้บริการทางการเงินมีคุณภาพ ประชาชนได้รับการดูแลไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบจากกกลุ่มทุนนอกระบบ ที่สำคัญ คือการก่อเกิดหน่วยงานกำกับดูแลที่ชัดเจน ทำให้ผู้ประกอบการทำงานง่ายขึ้นด้วยและมีความเท่าเทียมในการดำเนินธุรกิจ
นอกจากนี้กรณีที่มาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 จะไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีการตั้งสำรองสูงอยู่แล้วประมาณ 260% มากกว่ากลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่อยู่เฉลี่ย 120%
อนึ่ง ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นล่าสุด ได้ลงมติอนุมัติให้บริษัทเปลี่ยนชื่อใหม่ จากบริษัท เมืองไทยลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MTLS เป็น บริษัท เมืองไทยแคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC พร้อมอนุมัติจ่ายเงินปันผลในงวดผลการดำเนินงานปี 2560 โดยจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท พร้อมจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในวันที่ 14 พฤษภาคม 2561