กรุงเทพฯ--6 พ.ย.--โปรคอมมิวนิเคชั่นส์ แอนด์ คอนซัลแตนท์
อิเซตันเดินหน้าจัดงาน “เซ็นได โทโฮะขุ เจแปนแฟร์” ครั้งที่ 2 ตอบสนองทุกกลุ่มเป้าหมาย สั่งสินค้าหลากชนิดบินตรงจากแดนปลาดิบ พร้อมจัดแสดงศิลปวัฒนธรรม-หัตถกรรมจากศิลปินดังและนาฏศิลป์จาก “ไมโกะ” ที่เหลือผู้สืบทอดเพียง 5 คน ตั้งเป้ายอดขายเพิ่ม 15% ชิม ชม และช็อปปิ้งได้อย่างจุใจตั้งแต่ 1 — 11 พ.ย. นี้
ห้างสรรพสินค้าอิเซตัน ร่วมกับสำนักงานที่ว่าการนครเซ็นได สำนักงานที่ว่าการเมืองฟูกูชิม่า สำนักงานที่ว่าการเมืองยามากาตะ สภาความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์สามนคร เซ็นได ฟูกูชิม่า ยามากาตะ จัดงานเทศกาลผลิตภัณฑ์อาหารและแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว “เซ็นได โทโฮะขุ เจแปน แฟร์” ขึ้นเป็นพิเศษอีกครั้ง ที่บริเวณชั้น 5 และ 6 ระหว่างวันที่ 1-11 พฤศจิกายน 2550 หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากในปีที่ผ่านมา โดยนอกจากอาหารปรุงสดรวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ ได้รับความนิยมเหนือความคาดหมายแล้ว ในส่วนของการท่องเที่ยวที่เพิ่งเปิดตัวก็ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวไทยนับพันคนไปเยือนดินแดนโทโฮะขุในช่วงมกราคม—สิงหาคม 2550 นี้ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 49% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่ประทับใจในความสวยงามของทิวทัศน์ สถานที่ท่องเที่ยว และอาหารพื้นเมืองรสชาติเยี่ยม โดยคนไทยนิยมไปเที่ยวในช่วงฤดูหนาวและฤดูใบไม้ร่วง
นาย ชินยะ อูเอโนะ ประธาน บริษัท อิเซตัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “งานนี้จัดเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมเฉลิมฉลอง 120 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและญี่ปุ่น ที่หน่วยงานต่างๆ ร่วมกันจัดกิจกรรมเกี่ยวกับญี่ปุ่นกันมากมายในรูปแบบต่างๆ กัน ในส่วนของอิเซตันเองนั้นก็มีกิจกรรมพิเศษอย่างต่อเนื่องมาตลอดปี ทั้งเทศกาลอาหารและสินค้าจากแหล่งต่างๆ ที่น่าสนใจของญี่ปุ่น โครงการ My Elephant รวมถึงการร่วมกับหน่วยงานอีกหลายแห่งที่จัดงานต่างๆ และในโอกาสพิเศษนี้ก็ได้จัดเทศกาล “เซ็นได โทโฮะขุ เจแปนแฟร์” ขึ้นอีกครั้งเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่ชื่นชอบอาหารและวัฒนธรรมญี่ปุ่น โดยภายในงานจะมีผลิตภัณฑ์อาหารและผลไม้ที่โดดเด่นของเมืองเซ็นได ฟูกูชิม่า และยามากาตะ ส่งตรงมาจำหน่ายให้ทุกคนได้ชิมรสชาติแบบญี่ปุ่นแท้ๆ กันอย่างหลากหลาย นอกจากนี้ยังมีเคาน์เตอร์แนะนำการท่องเที่ยวของภูมิภาคโทโฮะขุหรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นที่มีทิวทัศน์สวยงามให้ท่องเที่ยวได้ตลอดปีอีกด้วย
“เซ็นได โทโฮะขุ เจแปนแฟร์” ในครั้งแรกเราประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยมียอดขายประมาณ 6 ล้านบาท สำหรับปีที่ 2 นี้เราตั้งเป้าเพิ่มขึ้นราว 15% หรือ 7 ล้านบาท อาหารที่ขายดีที่สุดในครั้งที่แล้วคือ ซูชิ โดยพ่อครัวผู้ชำนาญจากญี่ปุ่นจะปรุงให้ทานกันอย่างสดๆ ทันทีเช่นเคย นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเมนูเด็ดจาก ร้านดังส่งตรงจากญี่ปุ่นที่จะสาธิตการทำและจำหน่ายให้รับประทานกันทั้ง ราเมน จากร้านอาซาฮิยะที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของย่านคิตาคาตะในฟูกูชิม่า โคโรเกะ หอยนางรม ตลอดจนขนมและผลไม้นานาชนิด ผลิตภัณฑ์อาหารทะเล ฯลฯ และของฝากที่ขึ้นชื่ออีกมากมายจากโทโฮะขุที่เราคัดสรรมาให้ได้ชิมเฉพาะในงานนี้เท่านั้น ซึ่งอิเซตันได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั้งไทยและญี่ปุ่นในเรื่องของคุณภาพและความหลากหลายของสินค้า”
สำหรับปีนี้ จุดเด่นของงานนอกจากอาหารและผลไม้รสเลิศแล้ว ยังมีงานศิลปวัฒนธรรมที่พิเศษสุดให้ชมด้วย คือการแสดงนาฏศิลป์จาก “ไมโกะ” แห่งเมืองยามากาตะ หรือหญิงสาววัย 18—25 ปี ที่ฝึกหัดเพื่อเตรียมตัวเป็น “เกกิ” คือสตรีผู้มีความสามารถในศิลปะแขนงต่างๆ ทั้งขับร้อง ฟ้อนรำ เล่นดนตรีพื้นเมืองอย่างซามิเซ็น, ขลุ่ย ฯลฯ การจัดดอกไม้อิเคบานะ ทำพิธีชงชาตามแบบฉบับประเพณีดั้งเดิม เป็นต้น ปัจจุบันในเมืองยามากาตะมีไมโกะเพียง 5 คนเท่านั้น โดย 2 คนจะบินตรงมาแสดงนาฏศิลป์ที่งดงามให้ชมในงาน รวม 6 รอบ วันที่ 1, 3 และ 4 พ.ย. วันละ 2 รอบ เวลา 15.00 น. และ 18.00 น. ที่ชั้น 6 และชั้น 1 หน้าร้านแอนนา ซุย
นอกจากนี้ยังมีการสาธิตการเขียนตัวอักษรด้วยพู่กัน หรือ “โชะโด้” ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่เก่าแก่ของญี่ปุ่น และได้รับความสนใจอย่างมากในงานเมื่อปีที่แล้ว โดยในปีนี้ คุณอิเคดะ เซ็นอุน ศิลปินผู้มีชื่อเสียงของเมืองเซ็นได จะเป็นผู้สาธิตพร้อมทั้งเปิดสอนให้ผู้ที่สนใจได้ร่วมฝึกเขียนอีกด้วย ในวันที่ 2 และ 3 พ.ย. วันละรอบ เวลา 12:30 — 14:30 ที่ชั้น 6 และยังมี การสาธิตทำตุ๊กตาไม้ “โคเคชิ” ซึ่งเป็นงานหัตถศิลป์ ที่สืบทอดกันมากว่า 130 ปี โดย คุณคุนิโตชิ อาเบะ ศิลปิน รุ่นที่ 6 ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศประจำปีนี้ ทั้งยังจัดแสดงชุดเกราะนักรบโบราณจำลองของ “ดาเตะ มาซามุเนะ” ผู้ครองเมืองเซ็นไดที่มีชื่อเสียงในช่วงปี ค.ศ. 1600 ซึ่งมีหลักฐานเทียบคียงว่าชุดเกราะนี้เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบชุดของ “ดาร์ธ เวเดอร์” ในภาพยนตร์เรื่อง สตาร์วอร์ส
ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ห้างสรรพสินค้าอิเซตันเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดจากกลุ่มลูกค้าผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จากการที่สินค้าญี่ปุ่นเป็นที่นิยมมากขึ้น และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่อิเซตันนำเข้ามาจำหน่ายล้วนคัดสรรเฉพาะสินค้าคุณภาพ พร้อมทั้งลงทุนปรับปรุงพื้นที่ตลอดจนบริการต่างๆ ให้มีความทันสมัยอยู่เสมอด้วยเอกลักษณ์ของความเป็นญี่ปุ่น โดยมีสัดส่วนลูกค้าชาวไทยเพิ่มขึ้นทุกปี ถึงร้อยละ 60 ในปัจจุบัน ส่วนกลุ่มชาวญี่ปุ่นที่พำนักอยู่ในประเทศไทยและนักท่องเที่ยวมีประมาณร้อยละ 25 สำหรับชาวต่างชาติ ร้อยละ 15 สินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ อาหาร เสื้อผ้าสตรี และเสื้อผ้าบุรุษ
ในปี 2549 ที่ผ่านมา ห้างสรรพสินค้าอิเซตันมีรายได้ราว 1,300 ล้านบาท สำหรับผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2550 มีรายได้ลดลงประมาณ 10% อันเป็นผลจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ที่มีผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภครวมถึงนักท่องเที่ยวที่ลดลงด้วย อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงปลายปีนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นโดยรวมใกล้เคียงกับปีที่แล้ว จากการเตรียมตกแต่งพื้นที่ชั้น 2 ใหม่ในเดือนนี้เพื่อดึงดูดลูกค้า ประกอบกับการที่เซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่าได้เปิดคอนเวนชั่นฮอลล์ ซึ่งเป็นโอกาสในการเพิ่มยอดขายของอิเซตันด้วย ในขณะเดียวกันก็มีแผนรุกธุรกิจด้วยการจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานเทศกาลอาหารที่หมุนเวียนจากเมืองต่างๆ ของญี่ปุ่น ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ ข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย มีแนวโน้มการเติบโตขึ้น 10-15% จากปี 2549 ที่มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีร้านอาหารญี่ปุ่นที่เปิดให้บริการในไทยมากเป็นอันดับ 5 ของโลก เป็นรองเพียงสหรัฐอเมริกา จีน เกาหลีใต้ และไต้หวัน เท่านั้น โดยในประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 660 แห่ง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และชลบุรี โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มลูกค้าคนไทยที่ชื่นชอบรสชาติของอาหารญี่ปุ่น และชาวญี่ปุ่นที่อยู่ในประเทศไทยกว่า 60,000 คน
การจัดงานในครั้งนี้เป็นการประสานความร่วมมือและมิตรภาพที่ดีระหว่างไทยและญี่ปุ่น ขอเชิญชวน ทุกท่านที่ชื่นชอบอาหารและวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาชิม ชม และชอปปิ้งในงาน “ เซ็นได โทโฮะขุ เจแปน แฟร์” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1—11 พฤศจิกายน ศกนี้ เวลา 10.00 — 21.00 น. (วันสุดท้ายปิดเวลา 20:00 น.) ที่บริเวณชั้น 5 และ 6 ห้างสรรพสินค้าอิเซตัน ราชดำริ
รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
บริษัท โปรคอมมิวนิเคชั่นส์ แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด
โทร. 0 2691 6302 - 4, 0 2274 4961 — 2
(รัชฎา บุลนิม, อุมา พลอยบุตร์)