กรุงเทพฯ--17 ต.ค.--TKS
บอร์ด TKS ไฟเขียวส่งบริษัทย่อย ซินเน็ค (ประเทศไทย) เข้าเป็นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เตรียมเพิ่มทุนอีก 205 ล้านหุ้นแบ่งเป็นขาย IPO จำนวน 180 ล้านหุ้น ที่เหลือ 25 ล้านหุ้นรองรับ ESOP ในขณะที่หุ้นเพิ่มทุนที่จะขาย IPO จำนวน 180 ล้านหุ้น จะแบ่ง 50 ล้านหุ้นขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมที่เป็นรายย่อยของ TKS ส่วนที่เหลือจะขายให้กับประชาชนทั่วไป เผยเตรียมนำเงินที่ได้ไปเป็นเงินหมุนเวียนในการขยายธุรกิจทั้งหมด คาดจะยื่นไฟลิ่งให้กับ ก.ล.ต.ได้ภายในเดือนธันวาคมนี้ และจะเข้าซื้อขายได้ประมาณ Q2/51
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการ บริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (TKS) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2550 ที่ประชุมมีมติให้บริษัทนำบริษัทย่อย คือ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยี อุปกรณ์สารสนเทศ และอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อให้การขยายธุรกิจในอนาคตเป็นไปได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น
โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะเพิ่มทุนจดทะเบียนของซินเน็ค (ประเทศไทย) จากทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียน 705 ล้านบาท ด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่จำนวน 205 ล้านหุ้นที่ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท แบ่งเป็นสัดส่วนการขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก หรือ IPO จำนวน 180 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 25.53% ของจำนวนหุ้นที่เรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ส่วนที่เหลืออีก 25 ล้านหุ้น หรือ คิดเป็นสัดส่วน 3.55% ของจำนวนหุ้นที่เรียกชำระแล้วทั้งหมด รองรับการแปลงสภาพของใบสำคัญแสดงสิทธิเพื่อซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด ที่จะออกให้กับพนักงานของบริษัท (ESOP) จำนวน 25 ล้านหน่วย มีอายุ 5 ปี โดยให้สิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ ที่ราคาแปลงสภาพซึ่งมีส่วนลด 25% จากราคาขาย IPO ตามช่วงเวลาที่กำหนด
อย่างไรก็ตาม สำหรับหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จะขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก หรือ IPO จำนวน 180 ล้านหุ้น บริษัทฯได้จัดสรรหุ้นจำนวน 50 ล้านหุ้น ไว้จำหน่ายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมที่เป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยของ TKS ในราคาเดียวกับราคาขายหุ้น IPO โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ขอสละสิทธิไม่รับสิทธินี้ เพื่อตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมที่ให้การสนับสนุนบริษัทมาโดยตลอด ทั้งนี้ เม็ดเงินที่ได้จากการขายหุ้นในครั้งนี้ บริษัทฯจะนำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจของบริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด ทั้งจำนวน เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต และให้สามารถรับมือกับการแข่งขันที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างแรงในธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยี อุปกรณ์สารสนเทศ และอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ ได้อย่างทันท่วงทีในอนาคต ในขณะที่ TKS ก็จะได้รับประโยชน์ ทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งขึ้น และสินทรัพย์เพิ่มมูลค่าขึ้น ในขณะเดียวกันทิศทางการขยายธุรกิจจะชัดเจนขึ้นระหว่างสองธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจการพิมพ์ และธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยี
นายสุพันธุ์ กล่าวอีกว่า ภายหลังการขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของ TKS ในบริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) ลดลงจากสัดส่วน 50% ในปัจจุบันเหลือเพียง 36.76% ส่วนบริษัท ซินเน็ค แห่งประเทศไต้หวันที่ถือหุ้นในสัดส่วน 49% ในปัจจุบัน จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 36.03% ส่วนที่เหลือจะเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยซึ่งเป็นประชาชนทั่วไป ซึ่งคาดว่าจะยื่นแบบไฟลิ่ง เพื่อนำบริษัทซินเน็ค (ประเทศไทย ) จำกัด เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ต่อ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ได้ภายในเดือนธันวาคมนี้ และถ้าไม่ติดขัดปัญหาใดๆ คาดว่าหุ้นของบริษัทซินเน็คฯ จะเข้าซื้อขายได้ประมาณไตรมาสที่ 2 ของปี 2551
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 3/50 เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2550 ที่โรงแรมแม่น้ำ ริเวอร์ไซด์ โดยจะปิดสมุดทะเบียนเพื่อร่วมประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2550
สอบถามรายละเอียดได้ที่ คุณลฎาภา โรจน์ทนง 089-2057400 / 02-5549395