กรุงเทพฯ--11 พ.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 11 พฤษภาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,318.10-1,322.63 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 20,000 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,950 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFM18 อยู่ที่ 20,100 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 30 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,070 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.18 น. ของวันที่11/05/61)
แนวโน้มวันที่ 14 พฤษภาคม 2561
กระทรวงการคลังสหรัฐออกมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อชาวอิหร่าน 6 คนที่เกี่ยวข้องกับกองกำลังกุดส์ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่านและองค์กรอิหร่าน 3 แห่ง หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือฟิทช์ เรทติ้งส์ ประเมินว่า การที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน ส่งผลต่อความเป็นไปได้ที่จะสูญเสียการส่งออกน้ำมันจากอิหร่านอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ นักการทูตอิหร่านรายหนึ่งกล่าวว่า อิหร่านและสหภาพยุโรปจะจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีที่กรุงบรัสเซลส์ เพื่อหารือถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ในการประชุมครั้งนี้อิหร่านจะเรียกร้อง EU ให้มีการรับประกันว่าจะยังคงรักษาข้อตกลงฉบับนี้ต่อไป ขณะที่การยิงสู้รบกันระหว่างกองทัพอิสราเอลและกองทัพอิหร่านซึ่งมีฐานอยู่ในซีเรีย เพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางมากขึ้น ประเด็นดังกล่าวกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ หลังจากช่วงก่อนหน้าการเจรานำโดยนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐและนายหลิวซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระดับสูงของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ไม่สามารถขจัดคำขู่ของสหรัฐในการกำหนดภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 1.5 แสนล้านดอลลาร์ และจีนขู่ตอบโต้กลับ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนเตรียมพบกันในกรุงวอชิงตันอีกครั้ง เพื่อหารือเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ด้านเศรษฐกิจระดับสูงของจีนจะเดินทางเยือนสหรัฐสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตามราคาทองคำในประเทศได้รับแรงกดดันจากค่าเงินบาทที่กลับมาแข็งค่าขึ้น หลังข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐออกมาต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ ทำให้มีแรงขายทำกำไรเงินดอลลาร์ ส่งผลให้สกุลเงินหลัก รวมถึงสกุลเงินในภูมิภาคแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เงินบาทเองก็ปรับแข็งค่าขึ้นตามสกุลเงินภูมิภาค เบื้องต้นประเมินว่า หากราคาทองคำมีการดีดตัวขึ้นอีกครั้งบริเวณแนวต้าน 1,326-1,337 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และไม่สามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้ ก็จะเกิดแรงขายออกมาเช่นเดิม
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ในระยะสั้นราคาทองคำยังมีการแกว่งตัวในกรอบ ซึ่งกรอบราคาด้านบนประเมินแนวต้านที่บริเวณ 1,326-1,337 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ระยะสั้นความผันผวนของราคาและการแกว่งตัวของราคาอาจคล้ายกลับช่วงที่ผ่านมา จึงแนะนำให้เน้นไปที่การเข้าลงทุนระยะสั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,311 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดจะมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,302 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเมื่อราคามีการปรับตัวสูงขึ้น นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้างเพื่อลดความเสี่ยง แต่สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อเพื่อทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไป
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,311 (19,750บาท) 1,302 (19,650บาท) 1,294 (19,500บาท)
แนวต้าน 1,326 (20,050บาท) 1,337(20,200บาท) 1,346 (20,350บาท)
GOLD FUTURES (GFM18)
แนวรับ 1,311 (19,930บาท) 1,302 (19,790บาท) 1,294 (19,670บาท)
แนวต้าน 1,326 (20,160บาท) 1,337 (20,330บาท) 1,346 (20,470บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999