กรุงเทพฯ--14 พ.ค.--IR PLUS
"บมจ.ชโย กรุ๊ป" ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2561 มีรายได้รวม 50.14 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 14.47 ล้านบาท ด้านบอร์ดใจดีอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากงบเฉพาะกิจการและกำไรสะสม แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.06 บาท/หุ้น "สุขสันต์ ยศะสินธ์" ซีอีโอ ประเมินผลงานไตรมาส 2/61 คาดโดดเด่น ผลจากรายได้เริ่มเข้ามาชัดเจน จากการซื้อหนี้มาบริหารเมื่อช่วงปลายปี 2560 แถมรอลุ้นผลการประมูลหนี้ หวังดันพอร์ตมูลหนี้ที่อยู่ภายใต้การบริหาร สิ้นปี 2561 คาดทะลุ 3.3 หมื่นล้านบาท ตามเป้าหมาย หนุนรายได้โตอย่างน้อย 10% พร้อมทั้งวางแผน 1-2 ปีนี้ขยายพอร์ตหนี้โตอย่างต่อเนื่อง
นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวดไตรมาส 1/2561 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 50.14 ล้านบาท ลดลง 6.5% จากงวดเดียวกันของก่อน ที่มีรายได้รวม 53.64 ล้านบาท สาเหตุที่รายได้ลดลงเกิดจากการที่รายได้จากเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพลดลงเนื่องจากการจัดเก็บที่ลดลง โดยรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพ มีจำนวน 39.15 ล้านบาท ลดลง 9.90% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 43.45 ล้านบาท เนื่องจากการจัดเก็บเงินจากลูกหนี้ด้อยคุณภาพลดลง จากพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทมีการจัดเก็บมาแล้วประมาณ 3-4 ปี ประกอบกับในปี 2559 – 2560 บริษัทฯ ไม่มีพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพที่ไม่มีหลักประกันเข้ามาบริหารเพิ่มเติมมากนัก ส่วนพอร์ตใหม่ที่เข้ามาส่วนใหญ่จะเป็นพอร์ตหนี้ที่มีหลักประกัน ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการขายตามขั้นตอนของกฎหมาย
ขณะที่รายได้จากการให้บริการเร่งรัดหนี้สินในไตรมาส 1/2561 บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการเร่งรัดหนี้สินจำนวน 9.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการให้บริการเร่งรัดหนี้สินในปี 2560 ซึ่งมีจำนวน 7.98 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 21.18% เนื่องจากบริษัทฯ สามารถติดตามทวงหนี้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้ว่าจ้างในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ได้มากขึ้น ประกอบกับไตรมาส 1/2561 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีผู้ว่าจ้างเพิ่มขึ้น ส่วนรายได้จากการให้บริการศูนย์ข้อมูลลูกค้าอยู่ที่ 1.33 ล้านบาท ลดลง 0.88 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุที่ลดลงเกิดจากการสัญญาการว่าจ้างหรือโครงการของงาน Call Center ที่สิ้นสุดไป
สำหรับกำไรสุทธิประจำไตรมาส 1/2561 อยู่ที่ 14.47 ล้านบาท ลดลง 2.36 ล้านบาท หรือลดลง 14.02% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 16.83 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้ลดลงและต้นทุนการบริการที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ให้ความไว้วางใจบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงวด 3 เดือน จากงบเฉพาะกิจการ สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2561 และกำไรสะสมให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.06 บาท เป็นเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 33.6 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลระหว่างกาล (Record Date) วันที่ 25 พฤษภาคม 2561 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 8 มิถุนายน 2561
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/61 คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นชัดเจน จากการซื้อหนี้เข้ามาบริหารในช่วงไตรมาส 4/2560 ที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทฯ น่าจะเริ่มรับรู้รายได้ได้ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีนี้เป็นต้นไป ทำให้ภาพของรายได้คาดว่าจะเติบโตในระดับที่น่าพอใจ โดยในส่วนของรายได้ปีนี้คาดว่าจะเติบโต 10% ได้ตามเป้าหมายเมื่อเทียบกับปีก่อน และจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งชัดเจนในอนาคต
"บริษัทฯ อนุมัติจ่ายปันผลจากผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2561 อีก 0.06 บาท/หุ้น นับว่าเป็นการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่อง เพราะก่อนหน้านี้หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ CHAYO ปันผลให้ผู้ถือหุ้นไปแล้ว 0.05 บาท/หุ้น เราหวังจะเป็นทั้งหุ้น Dividened Stcok และ Growth Stock โดยขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างเข้าประมูลซื้อกองสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงินหลายแห่ง ทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักตามแผนที่ได้วางไว้ โดยคาดว่าจะได้ความชัดเจนในไตรมาส 2 หรือต้นไตรมาส 3 ของปีนี้ หลังจากไตรมาสแรกที่ผ่านมาที่บริษัทฯ ได้มีซื้อหนี้เอ็นพีแอล ซึ่งเป็นหนี้ที่มีหลักประกันมูลหนี้ที่มีมูลหนี้ประมาณ 138 ล้านบาท เข้ามาบริหารเพิ่ม อย่างไรก็ตาม หากการซื้อหนี้เอ็นพีแอลเข้ามาตามแผน จะส่งผลให้รายได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ถึงต้นปี 2562 เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด" นายสุขสันต์ กล่าว
ในปี 2561 บริษัทฯ วางแผนลงทุนซื้อพอร์ตหนี้ ที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกันเข้ามาบริหาร โดยวางงบลงทุนไว้ประมาณ 500 – 600 ล้านบาท ตั้งเป้าซื้อมูลหนี้เข้ามาบริหารเพิ่ม 4,000 –6,000 ล้านบาท โดยมูลหนี้ที่อยู่ภายใต้การลงทุนและการบริหารของบริษัทฯ ณ สิ้นปี 2561 คาดว่าจะทะลุ 3.3 หมื่นล้านบาท จากสิ้นปี 2560 อยู่ที่ ประมาณ 29,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในแง่ของ Assets Size มีแนวโน้มที่ดี คาดว่าในปี 2561จะหากการลงทุนเป็นไปตามแผน Assets Size ของบริษัทฯ จะเพิ่มเป็นเป็น 1,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่ 400 ล้านบาท และในช่วง 1 - 2 ปีนี้จะเน้นขยายพอร์ตโดยการซื้อหนี้เข้ามาบริหารสร้างการเติบโตให้บริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง