กรุงเทพฯ--14 พ.ค.--เวเบอร์ แชนด์วิค
ซัมซุงถ่ายทอดเรื่องราวความสำเร็จของนักเรียนจากโครงการ "Samsung Smart Learning Center สร้างพลังการเรียนรู้สู่อนาคต" ที่ได้รับการเผยแพร่เป็นออนไลน์วิดีโอ 3 เรื่อง ซึ่งมียอดเข้าชมรวมจากทุกช่องทางกว่า 5 ล้านวิว ได้แก่ ปราสาทของเจ้าชายกบ มะนาว และฟ็อกกี้ใบตอง คลิปวิดีโอนี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญสื่อสารระดับภูมิภาค "From Educate to Inspire" ที่สานต่อวิสัยทัศน์โครงการเพื่อสังคมด้านการศึกษา "ห้องเรียนแห่งอนาคต'' สร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ผ่านนวัตกรรมและกระบวนการเรียนรู้ใหม่ๆ สนับสนุนให้เยาวชนพัฒนาทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัล
เรื่องราวของทีมนักวิจัยกบ
เมย์ ณัฐณิชา เจนใจ (ขวา) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทิงวิทยาคม จ. เชียงราย ตัวแทนผู้ทำโครงงานวิจัยเรื่องบ่อกบ ร่วมกับเพื่อนร่วมชั้นอีกสองคนคือ จ๋า ชนิดาภา แสนสาร (กลาง) และ มายด์ มาริสา จันทร์ใด (ซ้าย)
"เมย์เข้าโครงการนี้ตั้งแต่อยู่ชั้น ม.1 ค่ะ ได้มีโอกาสทำโครงงานเรื่องกบ เพราะชุมชนที่เราอยู่เลี้ยงกบขายกันเป็นอาชีพค่ะ ความสงสัยของพวกเราเกิดจากปัญหาน้ำในคลองเน่าเสียเพราะน้ำทิ้งจากบ่อเลี้ยงกบ เมย์และเพื่อนๆ จึงเลยตั้งคำถามหาสาเหตุว่าการที่น้ำเน่าเสียนั้นเกิดจากอะไร ซึ่งเราได้คำตอบว่า น้ำเสียของบ่อกบเกิดจากปริมาณอาหารที่ให้กบในแต่ละวัน เราแบ่งหน้าที่กันทำงาน โดยแยกกันค้นคว้าปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของกบในบ่อ ทั้งเรื่องปริมาณอาหาร สีของบ่อ และรูปร่างของบ่อที่เหมาะสมแก่การเจริญเติบโตของกบและทำให้น้ำเน่าเสียน้อยที่สุด ซึ่งสิ่งที่เราค้นพบจากการทำโครงงานครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์กับชุมชนที่เราอยู่แล้ว แต่ยังเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ช่วยทำให้พวกเราค้นพบเป้าหมาย สิ่งที่อยากทำในอนาคตอีกด้วยค่ะ"
จ๋าและมายด์ ค้นพบว่าอยากเดินทางสายวิทยาศาสตร์ โดยจ๋าอยากเป็นคุณหมอ และมายด์อยากเป็นนักวิจัยชีววิทยา ส่วนเมย์ตั้งใจว่าจะเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เพราะได้แรงบันดาลใจจากคุณครูเจ้ง ครูที่ปรึกษาของโครงการ ผู้ถ่ายทอดกระบวนการเรียนรู้ใหม่ และผลักดันให้โครงงานบรรลุจุดประสงค์อย่างที่เด็กๆ ตั้งใจ
ครูคือโค้ชคนสำคัญของเด็กๆ
กัณจณา อักษรดิษฐ์ หรือครูเจ้งของเด็กๆ เป็นคุณครูที่ปรึกษาโครงการมาเป็นเวลาต่อเนื่องถึง 5 ปีแล้ว ได้เล่าถึงโครงการว่า "กิจกรรมทุกอย่างจะเริ่มจากสิ่งที่ตัวเด็กเองสนใจ เราเพียงแต่คอยชี้แนะ และสนับสนุน ให้พวกเขาไปให้ถูกทาง สอดแทรกกระบวนการและวิธีคิดแบบวิทยาศาตร์เข้าไป เพื่อให้เดินไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ ภายในคาบชุมนุม Samsung Learning Center เราจะพากันออกไปสำรวจชุมชน ลงพื้นที่จริง โดยใช้อุปกรณ์ต่างๆที่ทางซัมซุงสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็น แท็บเล็ต กล้องถ่ายวิดีโอ และแล็ปท็อป ช่วยในการบันทึกข้อมูล สิ่งที่ค้นพบแต่ละสัปดาห์ แล้วนำมาแชร์กัน ถกเถียงหาข้อสรุป"
ครูเจ้งมองว่าโครงการของซัมซุงนี้ ให้กระบวนการเรียนรู้ที่ดี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในจุดประกายความอยากรู้อยากเห็นของเด็ก และยังมอบทักษะให้เขาได้ค้นคว้า หาคำตอบด้วยตัวเอง และทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม เด็กๆหลายคนที่นี่จึงเก่งด้านการสื่อสาร นำเสนอความคิดของตัวเอง หลายคนเลือกเรียนต่อทางสายวิทยาศาสตร์ เพราะเขารู้สึกว่าการเรียนวิทยาศาสตร์นั้นสนุก แต่ทักษะที่ได้นั้นเด็กๆ สามารถนำไปปรับใช้ได้กับการเรียนทุกสาขา
โฉมหน้าทีมคิดค้นน้ำยากำจัดสนิม
ด้าน มิลค์ อภิชญา แข่งขัน (ที่ 4 จากซ้าย) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนปงพัฒนาวิทยาคม จ. พะเยา ตัวแทนจากทีมคิดค้นสูตรน้ำยากำจัดสนิมจากมะนาว เล่าถึงโครงงานดังกล่าวว่า "เราเริ่มตั้งโจทย์จากปัญหาใกล้ตัว ที่เห็นชาวบ้านต้องทิ้งอุปกรณ์เครื่องใช้ทางการเกษตรที่ขึ้นสนิม จึงเกิดความคิดว่าถ้าเราสามารถพัฒนาสูตรน้ำยากำจัดสนิมจากผลผลิตใกล้ตัวได้ จะช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่าย ยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ทำสวนขึ้นได้อีก เราอาศัยการค้นคว้าทางอินเตอร์เนทเพื่อต่อยอดสมมติฐานแรกที่ตั้งไว้ โดยทำการทดลองกับผลไม้ที่มีฤทธิ์กัดกร่อน 4 ชนิด คือ มะนาว มะกรูด ส้มโอ และ มะเฟือง ช่วยกันคำนวณหาสูตรที่ลงตัวที่สุดระหว่างกรด ด่าง และน้ำ ที่ให้ประสิทธิภาพในการขัดสนิมที่ดีที่สุดค่ะ"
"หลังจากได้เข้าร่วมโครงการ Samsung Smart Learning Center ตั้งแต่ ม.1 รู้สึกว่าเราได้พัฒนาตัวเองมากขึ้น จากเดิมที่เคยเป็นคนขี้อาย ไม่ค่อยกล้าพูด การได้ลงมือทำโครงงานนี้กับเพื่อนๆ ฝึกให้เราเป็นคนกล้าคิด กล้าทำ กล้านำเสนอความคิดเห็นมากขึ้น และยังทำให้รู้จักตัวเอง ตอนนี้รู้แล้วว่าจะเลือกเรียนต่อชั้นม.ปลายทางสายวิทย์-คณิต และตั้งใจจะเรียนเป็นเภสัชกรค่ะ" น้องมิลค์กล่าวเพิ่มเติม
เรื่องราวของน้องๆ ที่ได้รับการเผยแพร่นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของนักเรียนผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการมากกว่า 100,000 คนทั่วประเทศ จากการสำรวจความเปลี่ยนแปลงในกลุ่มนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการที่จัดทำขึ้นทุกปี พบว่า เด็กๆ ที่ผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบใหม่ในแบบของ "ห้องเรียนแห่งอนาคต" ได้มีการค้นพบสำคัญๆ ใน 3 เรื่องหลักๆ ด้วยกัน ได้แก่การค้นพบตัวเอง ค้นพบเรื่องราวของสังคมและชุมชน และค้นพบอาชีพที่ต้องการ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสำคัญ โดยเฉพาะเรื่อง ทักษะการทำงานร่วมกัน ทักษะในการเท่าทันสื่อและเทคโนโลยี ทักษะทางสังคม และทักษะด้านการคิดวิเคราะห์
ตั้งแต่ปี 2556 จวบจนปัจจุบัน ซัมซุงได้ริเริ่มดำเนินโครงการ "Samsung Smart Learning Center สร้างพลังการเรียนรู้สู่อนาคต" โดยมีจุดประสงค์ในการพัฒนาโรงเรียนต้นแบบ ที่ช่วยสร้างทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ผ่านกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนมีส่วนร่วม และนำเอาเทคโนโลยีอุปกรณ์ดิจิทัลจากซัมซุงมาเสริมในการเรียนการสอนแบบสหสาขาวิชา ในสภาพแวดล้อมของห้องเรียนที่เอื้อให้เด็กได้ คิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา ทำงานร่วมกับผู้อื่น เพื่อสื่อสารแบ่งปันสิ่งที่ตัวเองค้นพบ และสร้างแรงบันดาลใจและประโยชน์ให้คนรอบข้างได้
ปัจจุบันโครงการ Samsung Smart Learning Center มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการแล้ว 47 แห่งทั่วประเทศ โดยโรงเรียนที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับการสนับสนุนจากซัมซุงในทุกด้านทั้งองค์ความรู้สำหรับพัฒนาครู บุคคลากร และเทคโนโลยีสำหรับพัฒนาห้องเรียนให้ทันสมัย โดยในปีนี้มีเป้าหมายที่จะขยายโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการอีก 3 โรงเรียน และจะมีการอบรมครูและนักเรียนอย่างต่อเนื่อง
ติดตามรับชมวิดีโอคลิปทั้ง 3 เรื่องได้ที่ Samsung Thailand YouTube Channel หรือ https://youtu.be/O3en_7huvoQ
เกี่ยวกับ ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์
บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด จุดประกายแรงบันดาลใจและสร้างวิถีแห่งอนาคตด้วยความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยีที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น โดยบริษัทได้สร้างนิยามใหม่ให้กับโลกของโทรทัศน์ สมาร์ทโฟน อุปกรณ์อัจฉริยะสวมใส่ได้ แท็บเล็ต กล้องถ่ายภาพ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อุปกรณ์การแพทย์ ระบบเครือข่าย สารกึ่งตัวนำและ LED โซลูชั่น สำหรับข่าวสารล่าสุด ท่านสามารถเยี่ยมชม Samsung Newsroom ได้ที่ news.samsung.com