กรุงเทพฯ--25 ก.ย.--เจเอสแอล
“ชวกิจ บุย” คือชายหนุ่มวัยเพียง 24 ที่กำลังสร้างชื่อเสียงกระฉ่อนให้กับประเทศไทย ในสนามแข่งขันท้าประลองความเร็วระดับโลกในนาม “ทีมชาติไทย” ด้วยรถแข่งสีเหลืองติดสติ๊กเกอร์ธงไตรรงค์และคำขวัญ “Racing For Thailand” เขาเป็นนักแข่งอาชีพแชมป์ที่ 1 ของเอเชียในการแข่งขัน เอเชี่ยน ไดรเวอร์ ชาเลนจน์ และได้รับอีกหลายรางวัลจากหลายสนาม ทั้งๆที่เลือดสักหยดในตัวเขาหาใช่สายเลือดแท้ๆ จากคนไทยไม่ แต่หัวใจที่เปี่ยมด้วยรักในแผ่นดินเกิดผืนนี้ เขายืนยันว่า นี่คือความภาคภูมิใจสูงสุดที่เขาสามารถทดแทนคุณแผ่นดินและพระบาทสมเด็จ-พระเจ้าอยู่หัวของเราได้
“ผมเป็นคนไทยครับ นับตั้งแต่วินาทีแรกที่เกิดบนแผ่นดินไทย ก็ได้รับสัญชาติไทยทันที คุณพ่อผมเป็นคนอเมริกัน เป็นสถาปนิกเข้ามาดูแลการสร้างสนามกีฬาอินดอร์สเตเดี้ยมหัวหมาก ที่อื่นๆ เช่นอาคาร Q-HOUSE กลุ่มอาคาร SCB ล่าสุดกำลังทำหอศิลป์แห่งชาติครับ ส่วนคุณแม่เป็นคนญี่ปุ่นเป็นอาจารย์สอนวัฒนธรรมไทยด้วยภาษาญี่ปุ่นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ท่านทั้งสองพบกันที่เมืองไทยแต่งงานกันที่นี่ ท่านรักเมืองไทย ปลูกฝังความเป็นไทยให้กับผม นับถือศาสนาพุทธกันทั้งครอบครัว ผมเป็นลูกคนเดียว ท่านส่งไปเรียน ร.ร.จิตรลดา แล้วผมก็ต้องไปโดนเกณฑ์ทหารตามปกติเหมือนคนไทยอื่นๆ เดิมผมชื่อ โรเบิร์ต บุย หรือชื่อเล่นว่าบ๊อบบี้ครับ ส่วนชื่อ ชวกิจ บุย เป็นชื่อที่ผมได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พระราชทานให้หลังได้รับการแต่งตั้งจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้เป็นตัวแทนทีมชาติไทยคนแรกด้านการแข่งรถ ทุกครั้งที่ผมนำรถสีเหลืองลงแข่ง ใครต่อใครก็จะมารุมถาม ผมก็ได้โอกาสบอกถึงประเทศของเรา บอกให้เขารู้ว่าเรารักในหลวง เขาก็พากันตกใจที่คนไทยทั้งประเทศสามัคคีกันได้ขนาดนี้
ผมเริ่มหัดขับตอนวัยรุ่น แอบขโมยรถแม่ไปขับ กลับบ้านมารถยับเยิ่นเลย คุณพ่อเห็นว่าลูกชอบขับรถเร็ว ดูมันอันตราย เลยพาผมไปโรงเรียนสอนขับรถแข่งที่อังกฤษ ใช้เวลา 5 วัน สอนให้ขับอย่างถูกต้อง ได้ขับในที่ที่ปลอดภัยคือสนามเฉพาะ เป็นอะไรที่ผมรู้สึกดีมาก พ่อลูกได้ทำอะไรด้วยกัน หลังจากนั้นผมก็ติดใจมาก แล้วก็อยากเป็นนักแข่งรถตั้งแต่วันนั้น”
แล้วเส้นทางสู่สายอาชีพนักแข่งรถก็เปิดประตูอ้ารับเขาไว้ “ช่วงที่ผมเรียนถึงปี 3 ด้าน International Business ที่แคลิฟอร์เนีย กลับมาเมืองไทยตอนปิดเทอม ได้ไปฝึกงานที่ บีเอ็ม ไทยแลนด์ พอเขารู้ว่าเรารักรถ เขาก็ให้เราลองไปทดสอบรถกับบีเอ็มเยอรมันโดยไปแข่งที่มาเลเซีย ตอนแรกไม่คิดว่าจะได้ตำแหน่งอะไร เพราะมีนักแข่งจากทั่วเอเชียมากว่า 20 คน เราเองยังไม่ได้คิดจริงจังอะไรตอนนั้น แค่สนุกๆมาก ปรากฏว่าเราได้ติดหนึ่งใน 4 ของ เอเชีย เลยกลายเป็นจุดหันเหชีวิต ณ ตอนนั้น เพิ่งอายุ 21 เรียนยังไม่จบ ต้องตัดสินใจว่าจะเข้าแข่งเป็นหนึ่งในทีม บีเอ็มหรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้นเราก็จะอายุเกิน เป็นการตัดสินใจที่ยากมาก เพราะว่าต้องพักการเรียนแล้วมาแข่งรถแทน คุณพ่อพูดเสมอว่า ให้เราได้พยายามให้เต็มที่ในสิ่งที่เราอยากทำ ถึงแม้จะล้มเหลวก็ไม่เป็นไร ขอให้เราได้ลอง เมื่อเรามีโอกาสแล้วเราก็ต้องคว้าเอาไว้ แล้วทำให้เต็มที่”
จนทุกวันนี้ ชวกิจ บุย จึงแข่งรถมาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว แม้เส้นทางสายอาชีพนักแข่งขันไม่ได้เรียบง่ายสวยหรู แต่เขาก็ยังคงฝ่าฟันคว้าแชมป์และตำแหน่งดีๆ จากการแข่งขันมามอบให้ทีมไทยเสมอ โดยเฉพาะตำแหน่งดาวรุ่งแห่งปี 2004 แม้เงินรางวัลที่ได้จากการแข่งขันยังไม่คุ้มทุนกับค่าใช้จ่ายต่อการแข่งขันแต่ละครั้ง เขายังคงรักในอาชีพนี้ยิ่ง
“การแข่งรถทำให้ผมมีชีวิต เป็นการทำอะไรแบบสุดๆของผม เป็นกีฬาที่ยาก เหมือนกับว่าเราจะ ผลักดันเอาร่างกาย ความสามารถของมนุษย์อย่างเราไปได้ไกลที่สุด เป็นประสบการณ์ที่ดีกับตัวเอง ให้อะไรกับผมมากมาย คือการคว้าโอกาสในชีวิต แล้วเราต้องทำให้ได้ บางครั้งท้อใจ รถชนหนักๆ ก็ต้องสู้เริ่มต้นใหม่ให้ได้ ที่สำคัญ ผมพบความสงบความสุขที่เกิดขึ้นจากความนิ่งในความเร็ว 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เหมือนผมได้ทำสมาธิขณะกำลังแข่ง ยิ่งทำให้ผมรักในอาชีพนี้ ผมหวังว่า ในปี 2008 ที่จะเริ่มฤดูกาลแข่งขัน A1 (World Cup Of Motor Sport) จะมีทีมไทยเข้าร่วมแข่งให้ได้ และความฝันสูงสุดคือ ให้ไทยได้มีโอกาสจัดการแข่งขัน A1 โดยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพราะนักแข่งที่ผมรู้จักทุกคนอยากมาเมืองไทยครับ”
บ๊อบบี้ - ชวกิจ ยังเป็นไทยแท้ที่พกเครื่องรางของขลังลงสนามแข่งขันด้วยทุกครั้ง บ้างก็เป็นสมเด็จ พระนเรศวร บ้างก็เป็นหลวงพ่อคูณ แต่ไม่นับรวมกำไลข้อมือที่ทำด้วยเงินของหลวงพ่อคูณที่ใส่ติดตัวประจำ!!!
“สุริวิภา”ยังจะพาคุณผู้ชมพร้อมทั้งควงคุณสามี-บ๊อบบี้ ติดตามน้องบ๊อบบี้-ชวกิจ บุย ไปเกาะติดขอบสนาม Zhuhai International Circuit ที่เกาะมาเก๊าประเทศจีน เพื่อช่วยกันเชียร์ในการแข่งขัน Asian Formula Renault Challenge 2007 อีกด้วย งานนี้หนูแหม่ม-สุริวิภาเลยได้ควง 2 บ๊อบบี้ที่มีชื่อจริงว่าโรเบิร์ตเหมือนกันเปี๊ยบไปไหนมาไหน ซึ่งบรรยากาศในสนามแข่งเต็มไปด้วยความเร้าใจ เสียงรถแข่งดังกระหึ่มสนาม แถมคึกคักไปด้วยสาวๆพริ๊ตตี้ แล้วคุณสามี-บ๊อบบี้ยังขอนำร่างอวบอั๋นแทรกเข้าไปลงนั่งในรถแข่งของน้องบ๊อบบี้ด้วย ซึ่งกว่าจะลุกจะนั่งก็ต้องช่วยกันประคองและฉุดกันสุดฤทธิ์ หลังจากที่บ๊อบบี้สวมชุดกันไฟและนำรถลงขอบสนามเพื่อเตรียมพร้อม หนูแหม่มที่ออกอาการ ตื่นเต้นไปกับการลุ้นผลแข่งขัน ถึงกับขอจุ๊บกระหม่อมให้พรน้องบ๊อบบี้ แถมยังตั้งสมาธิไหว้ขอพรแล้วไหว้ขอพรอีก มาลุ้นกันว่า ในที่สุดหนุ่มบ๊อบบี้จะคว้าชัยได้รางวัลที่เท่าไรมาให้ทีมไทย
ติดตามชมได้ใน “สุริวิภา” พุธที่ 26 กันยายน สี่ทุ่ม ทางโมเดิร์นไนท์ทีวี
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
ต้องการข้อมูลในรายการเพิ่มเติมติดต่อ วิรดา อนุเทียนชัย (วิ) 08 — 1804 — 5493