กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--ก.ล.ต.
ก.ล.ต. เปิดเผยพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2561 ครอบคลุมการกำกับดูแลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่ออกใหม่ต่อประชาชนและผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดย ก.ล.ต. จะเปิดรับฟังความคิดเห็นเกณฑ์ในรายละเอียดกับทุกภาคส่วนภายในสัปดาห์นี้
นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มีผลใช้บังคับแล้ว ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวออกมาเพื่อกำกับดูแลการระดมทุนผ่านการเสนอขายโทเคนดิจิทัล รวมทั้งการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต่าง ๆ ได้แก่ ศูนย์ซื้อขาย นายหน้า และผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อคุ้มครองผู้ลงทุนมิให้ถูกหลอกลวงจากผู้ไม่สุจริต ป้องกันการฟอกเงินและการนำสินทรัพย์ดิจิทัลไปใช้ทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งสร้างความชัดเจนในการกำกับดูแล เพื่อให้ผู้ที่ต้องการใช้เครื่องมือนี้โดยสุจริตสามารถทำได้
พระราชกำหนดฯ ได้กำหนดนิยามของสินทรัพย์ดิจิทัล ประกอบด้วย คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัล ซึ่งจะหมายความรวมถึงหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์อื่นใดตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดด้วย
ในด้านการเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่ออกใหม่ต่อประชาชน จะทำได้เฉพาะนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด ซึ่งต้องได้รับอนุญาตและต้องยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อ ก.ล.ต. โดยเสนอขายผ่านผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO portal) ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. นอกจากนี้ ผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลมีหน้าที่จัดทำและส่งรายงานเกี่ยวกับผลการดำเนินงานและฐานะการเงิน และข้อมูลที่อาจมีผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของผู้ถือโทเคนดิจิทัล หรือต่อการตัดสินใจลงทุน เพื่อให้มีการเปิดเผยข้อมูลต่อประชาชนและผู้ลงทุน
ในด้านการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ผู้ที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจข้างต้นต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และมีมาตรฐานตามเกณฑ์ที่ ก.ล.ต. กำหนด อาทิ มีแหล่งเงินทุนเพียงพอ มีความปลอดภัยและการบริหารความเสี่ยงจากโจรกรรม มีการรู้จักและตรวจสอบข้อเท็จจริงของลูกค้า มีมาตรการป้องกันการฟอกเงิน สำหรับผู้ที่ประกอบธุรกิจเหล่านี้อยู่แล้วก่อนวันที่พระราชกำหนดนี้มีผลใช้บังคับ ต้องยื่นขออนุญาตภายใน 90 วัน คือภายในวันที่ 14 สิงหาคม 2561 โดยทำธุรกิจต่อไปได้จนกว่าจะมีคำสั่งไม่อนุญาต
อย่างไรก็ดี เพื่อป้องกันการนำคริปโทเคอร์เรนซีที่ไม่มีแหล่งที่มาชัดเจนมาใช้ในธุรกรรม ผู้ประกอบธุรกิจที่เสนอขายโทเคนดิจิทัลและให้คริปโทเคอร์เรนซีเป็นการตอบแทน หรือรับคริปโทเคอร์เรนซีจากลูกค้า จะรับได้เฉพาะคริปโทเคอร์เรนซีที่ได้จากการซื้อขาย แลกเปลี่ยน หรือฝาก ไว้กับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลตามที่กำหนดในกฎหมายนี้เท่านั้น และผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจะเป็นสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินด้วย
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ก.ล.ต. สามารถยกเว้นการออกและเสนอขาย หรือการเป็นตัวกลางในบางลักษณะจากการกำกับดูแลได้
ในส่วนของการบังคับใช้กฎหมาย หากพบการกระทำอันไม่เป็นธรรมในการซื้อขายแลกเปลี่ยนในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล จะเอาผิดได้เทียบเคียงกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ตามกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เช่น การบอกกล่าว เผยแพร่ หรือเปิดเผยข้อความที่เป็นเท็จทำให้สำคัญผิด การใช้ข้อมูลภายใน การซื้อขายตัดหน้าลูกค้า การสร้างราคาให้ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด เป็นต้น รวมถึงมีความผิดเกี่ยวกับการเสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต
ขณะนี้ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างร่างประกาศและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เพื่อการกำกับดูแลที่ครอบคลุมธุรกรรมของสินทรัพย์ดิจิทัลให้ชัดเจนและนำไปใช้ในทางปฏิบัติได้อย่างถูกต้องเหมาะสม โดยจะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนภายในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ การลงทุนโทเคนดิจิทัลหรือคริปโทเคอร์เรนซีในต่างประเทศจะไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายนี้
ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. http://www.sec.or.th/digitalasset หรือ Facebook Page ของ ก.ล.ต.