กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--
TFG เผยรายได้ไตรมาสแรกปีนี้อยู่ที่ 6,675 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน 12.2% แต่กลับขาดทุน เพราะได้รับผลกระทบจากราคาเฉลี่ยไก่-สุกรลดต่ำลงและค่าเงินบาทแข็ง อย่างไรก็ตามปัจจุบันสถานการณ์ทิศทางโดยรวมของราคาเริ่มดีขึ้น อีกทั้งได้ปรับพอร์ตการส่งออกมากขึ้น เชื่อปีนี้เดินได้ตามที่วางไว้มีรายได้รวมปีนี้แตะ 3 หมื่นลบ.โดยจะดำเนินการควบคู่ไปกับการบริหารความเสี่ยงการเงิน ราคาตลาดของไก่-สุกร และต้นทุนวัตถุดิบนำเข้า พร้อมป้องกันโรคระบาดอย่างระมัดระวังขั้นสูงสุด
นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือTFG เปิดเผยว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส1/2561 บริษัทฯมีรายได้รวมอยู่ที่ 6,675 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.12% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้วที่ 5,953 ล้านบาท สาเหตุที่รายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากธุรกิจหลัก คือ สินค้าไก่รายได้เพิ่มเป็น 4,302 ล้านบาท 7.7% จาก 3,993 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปีที่แล้ว แม้ว่าราคาไก่เฉลี่ยลดลง 7.5%
สำหรับสินค้าสุกร รายได้ 1,289 ล้านบาท ลดลง 6.25% จากรายได้ในงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,375 ล้านบาท และ ราคาสุกรเฉลี่ยลดลง 6.37% ด้านธุรกิจอาหารสัตว์ รายได้ขายนอกกลุ่มขยายตัวมากขึ้น เป็น 928 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้นสูงถึง 87.8% จาก 494 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปี 2560
รวมทั้งในไตรมาส1/2561 บริษัทฯ มีรายได้จากการส่งสินค้าไก่แช่แข็ง ส่งออก 11,094 ตันมูลค่า 1,071 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 107.5% จาก 516 ล้านบาท หรือจำนวน 6,548 ตัน จากงวดเดียวกันในปีก่อน บริษัทฯ มุ่งเน้นขยาย ธุรกิจไก่แช่แข็งส่งออก โดยมีเป้าหมาย 50,000 ตันในปี 2561 จาก ปริมาณ 37,000 ตันในปี2560 อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้า และเน้นตลาดมาร์จินสูง หนุนกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น รวมถึง เร่งการผลิตไก่ปรุงสุกจากโรงงานใหม่ กำลังการผลิต30,000 ตันต่อปี โดยจะเริ่มผลิต ในเดือนมิถุนายน นี้
ขณะเดียวกันใน ธุรกิจฟู้ดเซอร์วิส และโมเดิร์นเทรด ไก่และสุกร จะขายเพิ่มขึ้นจากรายได้กว่า 1,000 ล้านบาท ในปี 2560 เป็น 2,000 ล้าน ในปี 2561บริษัทฯได้ปรับเพิ่มการขายเข้าสู่ตลาดสุกรชำแหละผ่านโมเดิร์นเทรด และฟู้ดเซอร์วิส โดยได้ปรับขยายกำลังผลิตสุกรชำแหละเป็น 50% ของการผลิตสุกรทั้งหมด เพื่อเพิ่มกำไรขั้นต้น
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1 ปีนี้ บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 110.76 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีก่อนมี กำไร 136 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 89.56 ล้านบาท เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นต่อเนื่องทั้งปี 2560 และไตรมาสแรก ของปี 2561 ทำให้ได้รับ ค่าขายสินค้าส่งออกลดลง และขาดทุนจากมูลค่าที่เป็นเงินสกุลดอลล่าร์ที่ซื้อไว้ รองรับการซื้อกากถั่วล่วงหน้าในราคาต่ำ หากประเมินผลจากการดำเนินงานปกติโดยตรงแล้ว ไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน จะขาดทุนเพียง 21.12 ล้านบาท
นายเชิดศักดิ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์โดยรวมของธุรกิจในระยะต่อไปของปีนี้ มีทิศทางราคาเฉลี่ยไก่ ที่น่าจะดีขึ้น จากการปรับพอร์ตการขายส่งออกที่มากขึ้น ราคาเฉลี่ยสุกร มีทิศทางที่ดีขึ้น และ ส่วนการขายอาหารสัตว์มากขึ้นต่อเนื่อง โดยเร่งเพิ่มการขายในภาพรวม จึงทำให้บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าในรอบปี 2561 จะเป็นปีแห่งการเติบโตต่อเนื่อง
โดยบริษัทฯได้วางเป้าหมายตามแผนธุรกิจที่จะสร้างรายได้ให้เติบโตราว 20% หรือเป้าหมายรายได้ ประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยการขยายธุรกิจทั้ง 3แกน คือ ไก่ สุกร และ อาหารสัตว์ ซึ่งจะกำหนดตำแหน่งการแข่งขันเป็น ผู้ผลิตที่มีต้นทุนต่ำ (Low Cost Producer)
ทั้งนี้ การที่บริษัทฯ กำลังเดินหน้าเต็มตัวเข้าสู่แผน TFG 4.0 เป้าหมายปรับฐานเทคโนโลยีในการผลิต และความชำนาญของบุคลากรทุกด้าน เพื่อลดต้นทุนการผลิตและแรงงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ประกอบด้วย การเพิ่มออโตเมติกไลน์ชำแหละไก่ การเพิ่มเครื่องฟักไข่ที่ทันสมัย การเพิ่มการใช้หุ่นยนต์ ในการบรรจุ ถุงอาหารสัตว์ การตั้งโรงงานผลิตอาหารสัตว์ใหม่แบบครบวงจร ปรับปรุงระบบจัดเก็บวัตถุดิบ และ ระบบการผลิตโดยเครื่องจักรที่ทันสมัยและ ใช้แรงงานน้อยสุด
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังต้องบริหารความเสี่ยงทางการเงิน ราคาตลาดของไก่และสุกร ต้นทุนวัตถุดิบนำเข้าและในประเทศ และอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์ รวมถึงป้องกันโรคระบาดของไก่และสุกร อย่างระมัดระวังขั้นสูงสุด