กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 (พระราชกำหนดฯ) ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2561 และได้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา (วันที่ 14 พฤษภาคม 2561) เป็นต้นไป ซึ่งพระราชกำหนดฯ ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อกำกับดูแลการประกอบธุรกิจและการดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล มิให้มีการนำสินทรัพย์ดิจิทัลไปกระทำการใดในลักษณะที่เป็นการหลอกลวงประชาชนหรือที่เกี่ยวข้องกับการประกอบอาชญากรรม และเพื่อรองรับการนำเทคโนโลยีมาทำให้เกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน อันจะเป็นการสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบธุรกิจมีเครื่องมือในการระดมทุนที่หลากหลาย รวมทั้งประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องมีข้อมูลที่ชัดเจนเพียงพอเพื่อใช้ในการตัดสินใจและเกิดความโปร่งใสในการดำเนินการ โดยพระราชกำหนดฯ ดังกล่าว เป็นการกำหนดหลักการและแนวทางสำหรับการกำกับดูแลการระดมทุนโดยการออกโทเคนดิจิทัลเพื่อเสนอขายต่อประชาชนและการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (คณะกรรมการ ก.ล.ต.) จะดำเนินการออกกฎเกณฑ์สำหรับรายละเอียดต่าง ๆ ต่อไป ทั้งนี้ พระราชกำหนดฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. พระราชกำหนดฯ ฉบับนี้ ได้กำหนดให้สินทรัพย์ดิจิทัล หมายความว่า คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัล ซึ่งจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการกำกับดูแล โดยมีคณะกรรมการ ก.ล.ต. เป็นผู้วางแนวทางและกำหนดหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในภาพรวม โดยได้กำหนดให้ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล 3 ประเภท ได้แก่ 1) การเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล 2) การเป็นนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และ 3) การเป็นผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล จะต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ทั้งนี้ ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้ประกอบธุรกิจอยู่ก่อนวันที่พระราชกำหนดฯ นี้ใช้บังคับและเป็นธุรกิจที่ต้องขออนุญาตตามพระราชกำหนดฯ นี้ ให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ โดยให้ยื่นคำขออนุญาตตามที่บัญญัติไว้ในพระราชกำหนดฯ นี้ ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่พระราชกำหนดฯ นี้มีผลใช้บังคับ
2. การเสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชน (Initial Coin Offering: ICO) ต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) และการเสนอขาย ICO ต้องเสนอขายผ่านผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. เท่านั้น นอกจากนี้ กฎหมายฉบับนี้ได้กำหนดให้ผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ประสงค์จะรับคริปโทเคอร์เรนซีเป็นการตอบแทน จะต้องรับคริปโทเคอร์เรนซีที่ผ่านการซื้อขาย แลกเปลี่ยน หรือฝากไว้กับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
3. ผู้ที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในพระราชกำหนดฯ นี้ จะได้รับโทษทางอาญาและมาตรการทางแพ่ง โดยอัตราโทษได้มีการเทียบเคียงมาจากอัตราโทษตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
นางสาวกุลยาฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลได้ตระหนักถึงความสำคัญของการผลักดันให้เกิดนวัตกรรมดิจิทัล รวมทั้งเล็งเห็นถึงความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เกิดผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มทางเลือกของประชาชนและความสามารถในการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึง ซึ่งการระดมทุนด้วยการเสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชน จะเป็นช่องทางใหม่ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มสตาร์ทอัพให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้สะดวกขึ้นด้วยต้นทุนที่ต่ำลง ดังนั้น การบังคับใช้พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 จะช่วยให้ประชาชนหรือผู้ลงทุนได้รับการคุ้มครองที่เหมาะสม การประกอบกิจการเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ภายใต้การกำกับดูแล และรัฐบาลมีกลไกในการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นไม่ให้ลุกลามในวงกว้างและส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวมต่อไป
สำนักนโยบายการออมและการลงทุน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร 02 273 9020 ต่อ 3625