กรุงเทพฯ--7 พ.ย.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจในช่วงระหว่างวันที่ 1 เมษายน — 30 มิถุนายน 2550 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันกับปี 2549 รัฐวิสาหกิจมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 11.5% จากเดิม 684,510 ล้านบาท เพิ่มเป็น 763,370 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 5.9% จากเดิม 58,021 ล้านบาท เพิ่มเป็น 61,466 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าการเติบโตของรายได้และกำไรสุทธิของรัฐวิสาหกิจอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
สำหรับผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ สาขาที่มีรายได้สูงสุด 5 อันดับแรก เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2549 เป็นดังนี้
1. สาขาพลังงาน รายได้อยู่ที่ระดับ 577,359 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56,123 ล้านบาท และกำไรสุทธิ อยู่ที่ระดับ 44,102 ล้านบาท ลดลง 360 ล้านบาท ซึ่งแม้กำไรจะลดลง แต่จะเห็นได้ว่าอัตราการทำกำไรของสาขาพลังงานยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และกำไรที่ลดลงเกิดจากรายการพิเศษที่ไม่ได้มาจากการดำเนินงาน
2. สาขาขนส่ง รายได้อยู่ที่ระดับ 65,739 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,650 ล้านบาท และกำไรสุทธิ อยู่ที่ระดับ 1,457 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,804 ล้านบาท โดยผลกำไรที่เพิ่มขึ้นเกิดจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งหากดูผลการดำเนินงานเพียงอย่างเดียวจะมีผลขาดทุนเป็นจำนวนมาก โดยเกิดจากผลขาดทุนของการรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขนส่งมวลชน เป็นหลัก นอกจากนี้ยังมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิตและการให้บริการของ บริษัท การท่าอากาศยานไทย และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากการเปิดใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
3.สาขาสถาบันการเงิน รายได้อยู่ที่ระดับ 51,379 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,834 ล้านบาท และกำไรสุทธิ อยู่ที่ระดับ 4,714 ล้านบาท ลดลง 1,999 ล้านบาท ซึ่งอัตราการสร้างรายได้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ถึงแม้จะมีกำไรลดลง เนื่องจากผลของแนวโน้มส่วนต่างของรายได้ดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลง และการตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มเติมตามหลัก IAS39
4. สาขาสื่อสาร รายได้อยู่ที่ระดับ 34,749 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,454 ล้านบาท และกำไรสุทธิ อยู่ที่ระดับ 5,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,465 ล้านบาท ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นเกิดจากการยกเลิกภาษีสรรพสามิตของธุรกิจโทรคมนาคม
5. สาขาอุตสาหกรรม รายได้อยู่ที่ระดับ 13,799 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,257 ล้านบาท และกำไรสุทธิ อยู่ที่ระดับ 2,021 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117 ล้านบาท ซึ่งรายได้และกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของโรงงานยาสูบเป็นหลัก
ด้านฐานะการเงินของรัฐวิสาหกิจในภาพรวม ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2550 มีสินทรัพย์รวมประมาณ 6.6 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.9% จากวันที่ 31 มีนาคม 2550 เนื่องจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของรัฐวิสาหกิจสาขาพลังงานและสาขาขนส่ง ซึ่งใช้หนี้สินบางส่วนเป็นแหล่งเงินทุนในการลงทุนดังกล่าว ทำให้มีหนี้สินรวมประมาณ 4.9 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.9% ใกล้เคียงกับการเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์