กรุงเทพฯ--17 พ.ค.--บลจ.บัวหลวง
ยอดจอง IPO "กองทุนเปิดบัวหลวงทศพลเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-TOPTENRMF)" ได้รับการตอบรับเหนือความคาดหมาย สามารถปิดยอดจองซื้อ IPO สูงถึง 1,158 ล้านบาท ในการเปิดขายระหว่างวันที่ 10-16 พ.ค. ที่ผ่านมา
นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (กองทุนบัวหลวง) เปิดเผยว่า การเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนให้ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ของกองทุนเปิดบัวหลวงทศพลเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-TOPTENRMF) ระหว่างวันที่ 10-16 พ.ค. ที่ผ่านมา ปรากฎว่า ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม มียอดจองซื้อเข้ามาประมาณ 1,158 ล้านบาท เป็นการทำสถิติสูงสุดในรอบ 5 ปี ของการเปิดจองซื้อ IPO กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพในอุตสาหกรรม นับตั้งแต่ปี 2556 บ่งบอกถึงความมั่นใจของนักลงทุนที่มีต่อกองทุนบัวหลวง โดยเฉพาะต่อนโยบายการลงทุนของ "กองทุนเปิดบัวหลวงทศพล" ที่เปิดดำเนินการมานานกว่า 24 ปี และมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เมื่อเทียบกับกองทุนอื่นๆ ในอุตสาหกรรมกองทุนรวม โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นเพียง 10 ตัวในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เรามองว่ามีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งที่สุดในช่วงนั้นๆ และมีศักยภาพที่จะให้ผลตอบแทนสูง ทั้งนี้ "บัวหลวงทศพลเพื่อการเลี้ยงชีพ" จะมีนโยบายการลงทุนเหมือน "บัวหลวงทศพล" ทุกประการ แต่จะเพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนในการรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อนำไปวางแผนลดหย่อน รวมทั้งวางแผนการลงทุนรองรับวัยเกษียณด้วย
นายพีรพงศ์ กล่าวว่า ความสำเร็จของการเปิดเสนอขายครั้งแรกของกองทุน B-TOPTENRMF คงจะไม่ได้มาไกลถึงขนาดนี้ หากว่าไม่ได้รับความร่วมมือร่วมใจ และความทุ่มเทจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายสาขาธนาคารกรุงเทพทุกสาขาทั่วประเทศและผู้สนับสนุนด้านช่องทางทุกแห่ง ซึ่งเป็นส่วนสนับสนุนหลักในการเป็นช่องทางจัดจำหน่ายของกองทุนบัวหลวงมาโดยตลอด และที่สำคัญที่สุด ต้องขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจกับการบริหารงานของกองทุนบัวหลวงด้วยดีเสมอมา" นายพีรพงศ์ กล่าว
สำหรับนโยบายของกองทุนบัวหลวงในปีนี้ นายพีรพงศ์ กล่าวว่า จะให้ความสำคัญกับธีมการลงทุน "ตลอดสายซัพพลายเชน ตามเทรนด์อีคอมเมิร์ซและยานยนต์ไฟฟ้า" โดยจะถือครองหุ้นในกลุ่มธุรกิจเหล่านี้ ตามธีมการลงทุนที่วางไว้ เพราะเรามีความเชื่อมั่นสูงว่า กลุ่มธุรกิจเหล่านี้จะมีโอกาสเติบโตในอนาคต
นายพีรพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้คาดการณ์ว่าจะเติบโต 4% ซึ่งฟื้นตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่ด้วยความที่หุ้นส่วนใหญ่ในตลาดไทยได้สะท้อนความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไปพอสมควรแล้ว ทำให้ระดับ Valuation ของตลาดไทยอาจจะตึงตัวไปสักหน่อย ปีนี้จึงอาจจะเป็นปีที่ค่อนข้างท้าทายในการลงทุนตลาดหุ้นไทย และทิศทางตลาดหุ้นไทยโดยรวมอาจจะเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways Up/down ดังนั้น เราเชื่อว่า การเลือกลงทุนหุ้นเฉพาะเป็นรายตัวอย่างพิถีพิถันเพียงไม่กี่ตัวน่าจะตอบโจทย์สำหรับการลงทุนในอนาคต 1-2 ปีนี้ได้ดี และนี่เป็นสิ่งที่กองทุนใหม่กองนี้น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงจากการกระจุกตัว (Concentration Risk) ของการลงทุนได้ ซึ่งนโยบายการลงทุนของกองทุนแบบบัวหลวงทศพลนี้ เป็นลักษณะสำคัญที่เป็นจุดเด่นของกองทุนประเภท Active Management ที่ต้องอาศัยความสามารถของผู้จัดการกองทุนเป็นหลัก
ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลรายละเอียดกองทุน B-TOPTENRMF ได้ที่ กองทุนบัวหลวง โทร. 0 2674 6488 กด 8 ซึ่งกองทุนดังกล่าว จะเปิดเสนอขายอีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป ผ่านตัวแทนขายต่างๆ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ตัวแทนขายของกรุงเทพประกันชีวิต บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส บมจ.หลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน บมจ.หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) และบมจ.หลักทรัพย์ ภัทร
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
การป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นกับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน