กรุงเทพฯ--21 ก.ย.--ปตท.
นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากปัจจัยหลายอย่างเช่น ความต้องการใช้น้ำมันมากขึ้น ปริมาณสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลง 3.8 ล้านบาร์เรล (อยู่ที่ระดับ 319,000 ล้านบาร์เรล) ต่ำกว่าปีที่แล้วถึง 13 ล้านบาร์เรล พายุดีเปรสชั่นในมหาสมุทรแอตแลนติคอาจพัฒนาเป็น Tropical Storm Jerry และพัดเข้าแหล่งผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในอ่าวเม็กซิโก ประกอบกับมีโรงกลั่นหลายแห่งปิดซ่อมบำรุง จึงเป็นเหตุให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกทั้งน้ำมันดิบและสำเร็จรูปปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในวันนี้ (21 ก.ย. 50) ราคาน้ำมันดิบดูไบ ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (เพิ่มขึ้น 1.40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล) ราคาน้ำมันเบนซิน95 ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 85.40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (เพิ่มขึ้น 2.98 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล) ขณะที่น้ำมันดีเซลยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงถึง 92 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลทำให้ต้นทุนราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น แม้ว่า ปตท. จะได้พยายามรักษาระดับราคาขายปลีกในประเทศไว้ระดับหนึ่ง แต่จากสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ปตท. จึงมีความจำเป็นต้องพิจารณาปรับราคาน้ำมันขายปลีกทั้งกลุ่มเบนซินและดีเซลทุกชนิดขึ้น 40 สตางค์/ลิตร มีผลพรุ่งนี้ (22 ก.ย. 50) เวลา 05.00 น.เป็นต้นไป เป็นดังนี้
หน่วย : บาท/ลิตร
น้ำมันเบนซิน พีทีที แก๊สโซฮอล์ 95 พลัส 26.49 (ถูกกว่าเบนซิน 95 ถึง 3 .50 บาท)
น้ำมันเบนซิน พีทีที แก๊สโซฮอล์ 91 พลัส 25.69 (ถูกกว่าเบนซิน 91 ถึง 3.50 บาท)
น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 95 29.99
น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 91 29.19
น้ำมัน พีทีทีไบโอดีเซล/น้ำมันดีเซล-ปาล์มบริสุทธิ์ 26.64 (ถูกกว่าดีเซล ถึง 70 สตางค์)
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว พีทีที เดลต้า เอ็กซ์ ยูโร ทรี 27.34
นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า ราคาน้ำมันยังคงมีความผันผวนในระดับสูง โดยเฉพาะมีการประกาศเตือนภัยว่าจะมีพายุลูกใหม่ในมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งอาจเคลื่อนตัวผ่านแหล่งผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในอ่าวแม็กซิโก และ EIA รายงานว่าปริมาณสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 10 แล้ว ซึ่งจะส่งผลต่อราคาน้ำมันสำเร็จรูปให้ปรับสูงขึ้นตามด้วย
โทรศัพท์ 0 2537 2571, 2538 ส่วนประชาสัมพันธ์ กลุ่มธุรกิจน้ำมัน ปตท.
โทรสาร 0 2537 2572, 2517 21 กันยายน 2550