กรุงเทพฯ--21 พ.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
"TLUXE" อนุมัติปรับโครงสร้างธุรกิจ ขายโรงไฟฟ้า Geothermal ให้กลุ่มทุนญี่ปุ่น All Japan Fund จ่อบุ๊คกำไรเข้ากระเป๋า ไตรมาส 3/61 ทันที – เร่งเดินหน้าจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าที่เหลือโกยรายได้เพิ่ม พร้อมไฟเขียวลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในดานัง ประเทศเวียดนาม
บอร์ด บมจ.ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ หรือ TLUXE มีมติปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ พร้อมอนุมัติขายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน (Geothermal Energy) ในเมืองเบปปุ จ.โออิตะ ประเทศญี่ปุ่น ที่จำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว จำนวน 15 โครงการ ในราคา 320 ล้านเยน ต่อ 1 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1,400 ล้านบาท ให้กับกลุ่มทุนญี่ปุ่น (ReEnergy All Japan Fund) เตรียมจ่อรับรู้กำไรจากการขายภายในไตรมาส 3/61 นี้ทันที ด้าน "นายสุวิทย์ วรรณะศิริสุข"กรรมการบริหาร และผู้อำนวยการสายบัญชีและการเงิน กล่าวว่าการที่กลุ่มทุนญี่ปุ่นให้ความสนใจโรงไฟฟ้า Geothermal เนื่องจากจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD)ได้แล้ว และได้ค่าไฟฟ้า FIT ถึง 43 เยน ต่อกิโลวัตต์ นอกจาก 15 โครงการที่ขายให้ กลุ่มทุนญี่ปุ่นแล้วนี้ TLUXE ยังมีโรงไฟฟ้า Geothermal ที่สามารถพัฒนาต่อเนื่องได้ทันทีอีก 31 โครงการ ซึ่งสามารถทำรายได้ต่อเนื่อง นอกจากนี้บอร์ดยังไฟเขียวลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ในดานัง ประเทศเวียดนาม มูลค่า 3,100 ล้านเยน หรือ ประมาณ 900 ล้านบาท สร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างก้าวกระโดด
นายสุวิทย์ วรรณะศิริสุข กรรมการบริหาร และผู้อำนวยการสายบัญชีและการเงิน บริษัท ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TLUXE ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำ สัตว์เลี้ยง ทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ ตลอดจนดำเนินธุรกิจด้านผลิตไฟฟ้า Geothermal Energy และ พลังงานลม (Wind Energy) ในประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2561 ได้มีมติพิจารณาการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อรองรับแผนการขยายกิจการ พร้อมอนุมัติขายโครงการโรงไฟฟ้า Geothermal ในเมืองเบปปุ จ.โออิตะ ประเทศญี่ปุ่น ที่ได้เปิดดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว จำนวน 15 โครงการ หรือเทียบเท่า 15 เมกะวัตต์ ของพลังงานแสงอาทิตย์ ให้กับกลุ่มทุนญี่ปุ่น ReEnergy All Japan Fund โดยมีกลุ่ม Relocation เป็น Lead Investor ในการจัดตั้งกองทุนขึ้น จากกลุ่มนักลงทุน Tokumei Kumiai ซึ่งมีทาง Dogan และ Nomura Securities Japan เป็น Financial Advisors ในราคาโครงการละ 320 ล้านเยน คิดเป็นจำนวนเงินรวมประมาน 1,400 ล้านบาท โดยกำไรจากการขายในครั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมรับรู้เข้ามาภายในไตรมาส 3/2561 ทันที
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้า Geothermal ในส่วนที่เหลืออีก 31 โครงการ บริษัทฯ ยังคงดำเนินการตามแผน และทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้หากบริษัทฯ สามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้า Geothermal ครบตามแผนที่กำหนด จะส่งผลให้ภายในปีนี้ TLUXE รับรู้รายได้ จากการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้กับ Kyushu Electric เข้ามาอย่างต่อเนื่องแน่นอน
" TLUXE ได้รับสิทธิในการลงทุนโรงไฟฟ้า Geothermal เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้กับ Kyushu Electric ในราคาหน่วยละ 43 เยน ต่อกิโลวัตต์ ในรูปแบบ FITเป็นเวลา 15 ปี ทั้งหมดจำนวน 46 โครงการ หรือเทียบเท่ากับ 46 เมกะวัตต์ พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งในช่วงก่อนหน้านี้ บอร์ดบริษัทฯ ได้อนุมัติงบประมาณลงทุนไปแล้ว ทั้งสิ้น 32 โครงการ จาก 46 โครงการ ดังนั้นแม้ว่าล่าสุดจะมีมติขายโรงไฟฟ้า Geothermal จำนวน 15 โครงการ ให้กับกลุ่มทุนญี่ปุ่น แต่ก็เป็นเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น เพราะในส่วนที่เหลืออีก 31 โครงการ บริษัทฯ ยังสามารถรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง TLUXE สามารถสร้างและทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ให้กับ Kyushu Electric " นายสุวิทย์ กล่าว
พร้อมกันนี้กล่าวได้ว่า กลุ่ม TLUXE ได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นกลุ่มผู้ประกอบการไทยรายแรก และรายเดียวในขณะนี้ ที่เข้าไปบุกตลาดธุรกิจด้านพลังงานความร้อน Geothermal Energy ในเมืองเบปปุ จ.โออิตะ ประเทศญี่ปุ่น และยังได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (Exim Bank หรือ ธสน.) และ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เพื่อเข้าไปขยายการลงทุนในโครงการดังกล่าว ขณะเดียวกัน TLUXE ยังได้ขยายการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม (Wind Energy) ขนาดเล็ก 20 กิโลวัตต์ ใน Hokkaido และ Aomori ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติดำเนินการในเฟสแรก จำนวน 27 ตัว เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยได้รับสิทธิในการจำหน่ายไฟฟ้าให้กับ Hokkaido และ Tohuku Electric ในราคา 59 เยน ต่อกิโลวัตต์ เป็นเวลา 20 ปี ใน รูปแบบ FIT โดยหลังจากนี้ TLUXE จะมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจพลังงานลม และพลังงาน Geothermal ในประเทศญี่ปุ่น อย่างต่อเนื่อง
" หลังจากที่ TLUXE ได้มีการเข้าไปลงทุนในธุรกิจพลังงานความร้อน Geothermal Energy ในช่วงที่ผ่านมา และมีการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้ว จำนวน 15 โครงการในไตรมาส1/2560 บริษัทฯ มีการรับรู้รายได้เข้ามาแล้ว ดังนั้นเป็นการแสดงให้เห็นว่าการเข้าไปลงทุนในแต่ละโครงการของบริษัทฯ จะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกลับมาเสมอ" นายสุวิทย์ กล่าว
กรรมการบริหาร และผู้อำนวยการสายบัญชีและการเงิน TLUXE กล่าวเพิ่มเติมว่า การขายโครงการโรงไฟฟ้า Geothermal ไม่กระทบต่อผลการดำเนินของบริษัทฯ อย่างแน่นอน เพราะสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพลังงานดังกล่าวในปัจจุบันถือได้ว่ายังมีมูลค่าน้อยกว่า เมื่อเทียบกับรายได้ที่มาจากการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำ สัตว์เลี้ยง ที่เป็นรายได้หลัก และเป็นตัวขับเคลื่อนผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปัจจุบัน
และในวันเดียวกันนี้ บอร์ด TLUXE ยังมีมติให้บริษัทฯ เข้าไปลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม โดยเป็นการเข้าไปร่วมลงทุนกับพันธมิตรชาวญี่ปุ่น ที่ได้ Connection ต่อยอดจากธุรกิจด้านพลังงานในประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าไปร่วมลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทห้องชุดพักอาศัย หรือ คอนโดมิเนียม ภายใต้ชื่อโครงการ อาคารริเวอร์ไซด์ หรือ Riverside Tower ในทำเลที่ดีที่สุดติดแม่น้ำใจกลางเมืองดานัง ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 3,100 ล้านเยน หรือประมาณ 900 ล้านบาท
โดยคาดว่าจะได้ผลตอบแทนจากการร่วมลงทุนไม่ต่ำกว่า 230 ล้านบาท ซึ่งสามารถรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2561-2562 ทั้งนี้ทางบริษัทฯ ได้มีสำนักกฎหมาย บริษัท กุดั่น แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด มาเป็นที่ปรึกษา ในการตรวจสอบและรับรองข้อกฎหมายต่าง ๆ ด้านการดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องแล้ว
โดยการเข้าไปลงทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ เล็งเห็นโอกาสการเติบโต และการสร้างผลตอบแทนที่สูง เนื่องจากประเทศเวียดนาม โดยเฉพาะเมืองดานัง ได้ถูกจัดให้เป็นดาวเด่นของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชีย ที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพมากที่สุดประเทศหนึ่ง ในขณะเดียวกันความต้องการของตลาดด้านที่อยู่อาศัยเอง ก็มีอัตราที่สูงขึ้น จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร โดยสัดส่วนเกินครึ่ง มีอายุน้อยกว่า 30 ปี ซึ่งจะเป็นผู้บริโภคกลุ่มคนรุ่นใหม่ และกลุ่มผู้มีรายได้สูงที่มีกำลังซื้อมหาศาล และมีพฤติกรรมที่ต้องการความเป็นอยู่ที่สะดวกสบาย หรูหรา และมั่นคงในชีวิต ดังนั้นธุรกิจที่ตอบโจทย์ คืออสังหาริมทรัพย์ อาคารชุด หรือ คอนโดมิเนียม นอกจากนี้ก็จะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยว และสนใจซื้อที่พักอาศัย เพื่อการพักผ่อน