กรุงเทพฯ--21 พ.ค.--NWONLINE
เปิดยุทธศาสตร์ชาติด้านการเสริมสร้างทรัพยากรมนุษย์ วางกรอบพัฒนาคนในทุกมิติ ทั้งกาย ใจ และสติปัญญา เสริมสร้างคุณภาพ คุณธรรม จริยธรรม เปลี่ยนค่านิยมด้านการศึกษา สร้างคนให้สอดคล้องกับงาน และสร้างสุขภาวะพัฒนาคน พร้อมรับมือการแข่งขันในโลกที่เปลี่ยนแปลงเร็ว
ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร ประธานกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ เปิดเผยว่า ทุกยุทธศาสตร์ที่เราพูดมาทั้งหมดจะไม่สำเร็จเลย ถ้าเราไม่มีการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ เพราะศักยภาพของคนเป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งในที่นี้หมายถึง คนไทยทุกช่วงวัย คนพิการ คนด้อยโอกาส รัฐจะต้องพัฒนาทุกคนให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้นในทุกมิติ ทั้งกาย ใจ สติปัญญา และสภาพแวดล้อม ซึ่งทั้งหมดจะต้องไปด้วยกัน สุขภาพดี จึงทำงานได้ดี คนมีจิตใจดี จึงมีจิตสาธารณะ ทำงานทุ่มเทให้กับส่วนรวม คนต้องมีสติปัญญา เพื่อคิด วิเคราะห์ วางแผนเพื่อให้งานสำเร็จ และสุดท้ายเรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาคน เราต้องบ่มเพาะคนให้เป็นคนดี ขยันหมั่นเพียร ไม่เห็นด้วยกับการคอร์รัปชั่น โดยเราได้วางกรอบการพัฒนาคนตั้งแต่แรกเกิด และพัฒนาให้เป็นคนที่สมบูรณ์ มีความพร้อมทั้งสติปัญญา คุณธรรม และจริยธรรม
การพัฒนาหลักเราดูในมิติของครอบครัวเป็นส่วนสำคัญ ครอบครัวมั่นคง อบอุ่น จะช่วยบ่มเพาะให้คนมีจิตใจดี ช่วยสังคม สร้างเสริมสังคมไทยให้เป็นสังคมมีความสุข เป็นที่ยอมรับทั้งคนไทยและนานาชาติ การมีสภาพแวดล้อมที่ดีจะช่วยเสริมสร้างการทำงานให้มีศักยภาพดี
สิ่งสำคัญอันดับแรก คือ การปรับค่านิยมและวัฒนธรรม วางรากฐานทำให้เป็นคนดี มีความเข้มแข็ง ค่านิยมหนึ่งที่ควรปรับ คือ ผู้ปกครองไม่อยากให้ลูกเรียนสายอาชีพ อยากให้ลูกเรียนมหาวิทยาลัย แต่เมื่อจบมาไม่มีงานทำ ขณะที่การเรียนสายอาชีพขาดแคลนทั้งประเทศ เราขาดช่างระดับวิชาชีพ เราจะเป็นศูนย์กลางการบิน แต่ไม่มีช่าง ไม่มีวิศวกรการบินมารองรับ เรื่องนี้จึงจำเป็นต้องมีการแก้ไข เปลี่ยนทัศนคติการเรียนใหม่ให้ตรงกับความต้องการของตลาด
ดร.กฤษณพงศ์ กล่าวต่อไปว่า การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต โครงสร้างประชากรเด็กเริ่มน้อยลง จากเด็กเกิดใหม่ปีละกว่าล้านคน ในขณะที่ปีล่าสุดเด็กเกิดใหม่มีเพียง 7.4 แสนคน เด็กน้อยลงแต่คนสูงอายุจะมากขึ้น อีก 10 ปี คนสูงอายุจะเป็น 1 ใน 4 ของประชากรประเทศ คนสูงอายุยุคต่อไปจะต้องทำงาน คนวัยแรงงานก็ยังไม่ตอบโจทย์ ต้องปรับการเรียนใหม่ คนวัยทำงานมีจำนวน 35-40 ล้านคน ต้องส่งเสริมให้มาทำงานอย่างมีศักดิ์ศรี
ด้านการศึกษา เราคาดหวังสูงมากแต่ยังไม่สำเร็จ ดังนั้น เราต้องปรับด้านการศึกษาแบบพลิกโฉม ปรับให้มีความคิดและรู้จักวิเคราะห์เป็น รู้จักต่อยอดนวัตกรรม ถ้าทำไม่ได้เราจะอยู่ในประเทศที่ติดกับดักรายได้ปานกลางต่อไปเรื่อยๆ เราต้องปรับใหม่ ส่งเสริมเด็กนักเรียนให้เรียนตรงตามความต้องการของตลาด เปลี่ยนชีวิตตัวเองให้มีศักยภาพสามารถเปลี่ยนแปลงให้สอคดล้องกับอาชีพใหม่ สร้างผู้ประกอบการใหม่ขึ้นมา
ด้านการเสริมสร้างภูมิปัญญาต้องได้รับการส่งเสริมความถนัดเฉพาะด้าน เราใช้ระดับการศึกษาเป็น One Size Fit All ซึ่งไม่ตรงตามความต้องการ เราต้องสร้างให้มีความหลากหลาย และมีความพร้อม แต่ละกลุ่มสร้างคนให้เหมาะสมกับงานที่ต้องการในแต่ละสาขาวิชา
เรื่องการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ถ้าเราสุขภาพดี การทำงานจะประสบความสำเร็จ ดังนั้นต้องสร้างความรู้ด้านสุขภาวะ โรคต่างๆ ร้อยละ 70 เป็นโรคที่ป้องกันได้ ซึ่งมีสาเหตุจากการกิน การใช้ชีวิต ดังนั้นต้องปรับตัวควบคู่ไปกับการสร้างยุทธศาสตร์การสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี ครอบครัวต้องอบอุ่น ต้องส่งเสริมภาครัฐและเอกชน สร้างและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างดีที่สุด
เรื่องสุดท้าย คือ เสริมสร้างการกีฬา ฝึกให้รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย รู้จักสร้างความอดทนสู่เป้าหมาย เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น และรู้จักการแข่งขันวางเป้าหมาย เรื่องการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ต้องเรียนรู้ไปตลอดชีวิต รัฐและเอกชนต้องร่วมกันวางแนวทางการพัฒนาเรียนรู้ต่อเนื่อง แข่งขันกับโลกที่เปลี่ยนไปได้ตลอดเวลา เราต้องสร้างคนให้พร้อมกับการแข่งขัน และการเปลี่ยนแปลงตามบริบทต่างๆ ของโลกที่เปลี่ยนไป