กรุงเทพฯ--21 พ.ค.--กระทรวงพาณิชย์
ชาวนาเฮ หลังราคาข้าวหอมมะลิพุ่งสูงยืนระดับตันละ 1.6 หมื่นบาท ขณะที่ข้าวเปลือกเจ้าน่าจะวิ่งไปถึงตันละ 8 พันบาท ด้านรัฐบาลเดินหน้าอัดฉีด 9 หมื่นล้านให้ชาวนาลดต้นทุนการผลิต
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาข้าวเปลือกเริ่มขยับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ค. 61 โดยเฉพาะราคาข้าวหอมมะลิ ขยับขึ้นจากเฉลี่ยตันละ 1.1 หมื่นบาท เป็น 1.6 หมื่นบาท บางช่วงขยับสูงสุดถึง 1.75 หมื่นบาท ส่วนข้าวเปลือกเจ้าสูงขึ้นมาเกือบตันละ 8 พันบาท ซึ่งเชื่อว่าราคาจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง
สำหรับสาเหตุที่ราคาข้าวเปลือกขยับสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความต้องการในตลาดโลก ขณะเดียวกันรัฐบาลได้ออกมาตรการบริหารจัดการข้าวอย่างต่อเนื่อง เช่นโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าว เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดรัฐบาลเพิ่งประกาศโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว วงเงินทั้งหมด 9 หมื่นล้านบาท โดยให้กู้ได้รายละ 3 หมื่นบาท รวมเป้าหมายให้กู้ทั้งสิ้น 3 ล้านราย อัตราดอกเบี้ย3 % จากต้นทุนดอกเบี้ยทั้งหมด 7 % โดยรัฐบาลแบกรับภาระดอกเบี้ยไว้เอง 3 % ธ.ก.ส. รับไว้ 1 %
นอกจากนี้ ยังมีโครางการประกันภัยพืชผล ที่ชาวนาสามารถทำประกันภัยความเสียหายของผลผลิตที่เกิดจากภัยธรรมชาติ โดยเกษตรกรจ่ายเบี้ยประกันเพียง 36 บาทต่อไร่ จากต้นทุนเบี้ยประกัน 90 บาทต่อไร่ ซึ่งรัฐบาลอุดหนุนให้ไร่ละ 54 บาท หากผลผลิตข้าวได้รับความเสียหาย ชาวนาจะได้รับการชดเชย 1,260 บาทต่อไร่
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นจากผู้บริโภค หลังจากราคาข้าวเปลือกเริ่มขยับสูงขึ้น ซึ่งอาจมีผลทำให้ราคาข้าวถุงขยับขึ้นกิโลกรัมละ 3-5 บาท พบว่า ผู้บริโภคยอมรับราคาที่สูงขึ้นได้ เนื่องจากเห็นว่าราคาขยับไม่มากนัก แต่จะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น
แน่นอนการช่วยเหลือต่างๆของรัฐบาลชุดนี้ อาจถูกชาวนาบางส่วนมองว่าสู้โครงการจำนำข้าวในอดีตไม่ได้ แต่อย่าลืมว่าการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดได้ทำให้โครงสร้างตลาดข้าวไทยพัง และสูญเสียงบประมาณนับแสนล้านบาทในการแก้ไขยุติปัญหาที่เกิดขึ้น
สรุป ข้าวกลายเป็นพืชการเมืองมาตลอด เช่นเดียวกับพืชผลเกษตรอื่นๆอีกหลายชนิด โครงการช่วยเหลือชาวนาที่เคยออกมาในอดีต มีผลดีผลเสียต่างกัน แต่ที่เห็นได้ชัดคือโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ด ที่ทุกวันนี้ยังตามเช็ดปัญหาไม่หมด ทางที่ดีที่สุดในการช่วยเหลือชาวนา คือ การช่วยเหลือขั้นพื้นฐาน และช่วยต่อยอดพัฒนา ให้ชาวนายืนด้วยขาตัวเอง ที่สำคัญฝ่ายการเมืองต้องหยุดเอาชาวนาเป็นตัวประกันทางการเมือง ไม่เช่นนั้นเราก็จะเห็นวงจรอุบาทว์ทางการเมืองอย่างนี้ไปตลอดชาติ