กรุงเทพฯ--5 พ.ย.--เจเอสแอล
ในกระบวนคนรักม้านั้น ชื่อของ ชัยคีรี ศรีเฟื่องฟุ้ง จัดอยู่ในอันดับต้นๆของเมืองไทย ความสง่าในท่วงท่าลีลาของม้าไม่ได้ทำให้เขาหลงใหลเพียงลำพัง เชอรี่-ชัญญา ศรีเฟื่องฟุ้ง ลูกสาวสุดที่รักก็เดินตามรอยพ่อมาติดๆ หลงม้าจัดจนคุณพ่อเม้าท์ให้ฟังว่า คุณหนูเชอรี่ไม่ยอมมองผู้ชายจนอายุ 20 ล่าสุดแม้เพิ่งวิวาห์มาหมาดๆ ก็ยังคงรักม้ายิ่งกว่าเช่นเดิม!!
ชัยคีรี ศรีเฟื่องฟุ้ง เล่าผ่าน ‘สุริวิภา’ ว่า “ผมอยู่กับม้ามา 60 กว่าปี ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 10 ขวบ เห็นเป็นสัตว์ที่สง่างามมาก เป็นฮีโร่ในใจ เพราะเราดูจากหนังคาวบอยสมัยก่อน ก็เลยเริ่มเรียนตั้งแต่เด็ก ส่วนเชอรี่ผมจับนั่งตักขณะขี่ม้าตั้งแต่ 2 ขวบ พาจูงเดินกับม้าตัวเล็กๆให้คุ้นเคย หรือถ้าเขางอแงพอพาขึ้นหลังม้าก็จะเงียบทันที ผมยกม้าให้ตัวหนึ่งชื่อ คุกกี้ แล้วเขาก็ติดม้ามาก เลิกเรียนมาหาม้าทันที สนใจแต่ม้า เขาเพิ่งจะเริ่มรู้ว่าโลกภายนอกเป็นยังไง หรือเด็กผู้ชายเป็นยังไง ก็อายุปาไป 20 แล้ว
ผมเริ่มเรียนขี่ม้ากับทหารม้าที่สนามเป้า ต่อมาก็เรียนกับแหม่มโรสที่โปโลคลับ เชอรี่ก็ไปเรียนกับลูกแหม่มโรส เรียนฝึกการควบคุมม้า จนไปเรียนเพิ่มที่ต่างประเทศเพราะอยากเรียนการบังคับม้าในแบบต่างๆเพิ่ม เช่น การบังคับม้าเพื่อกีฬาโปโล การกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง ไปเรียนทั้งที่ ออสเตรเลีย อังกฤษ ฝรั่งเศส จนกระทั่งไปพบปรมาจารย์ด้านศิลปะการบังคับม้าชั้นสูงที่โปรตุเกส เขาสอนการควบคุมม้าในแบบต่างๆมากมาย รวมทั้งสอนม้าสายพันธุ์โบราณสมัยสงครามให้เต้นรำ เรียนอยู่ 20 กว่าปี จนสามารถนำมาโชว์ในเมืองไทยได้
ผมได้สัจธรรมจากม้าหลายข้อ ข้อแรก คือ การขี่ม้าสร้างความเป็นผู้นำและสร้างความมั่นใจให้กับเราได้เป็นอย่างดี คนขี่ม้าต้องตั้งสติให้ดี กล้าตัดสินใจ ต้องไม่ตื่นหรือตะเหลิดไปตามม้า ใจต้องนิ่งพอให้ม้ารับรู้ความนิ่งของเราและยอมทำตามเราได้ สอง สร้างความกล้าให้ตัวเอง ทุกก้าวที่เราเดินในชีวิตจริง เราต้องเผชิญเรื่องราวมากมายเราต้องกล้าที่จะเผชิญปัญหาเหล่านั้น สามสร้างวินัยในตัวเองได้สูงมาก เพราะการขี่ม้าไม่ใช่กระโดดขึ้นหลังม้าแล้วควบออกไป แต่เราต้องเรียนรู้และมีวินัยหลายอย่างมาก สี่ สำคัญที่สุดคือความมีเมตตาความรู้จักห่วงใยต่อสิ่งมีชีวิตที่เราสัมผัสด้วย ซึ่งนั่นจะทำให้เราเผื่อแผ่ต่อสิ่งอื่นๆด้วย ฉะนั้นถ้าถามผมว่าผมมีคอกม้าเลี้ยงม้า 170 กว่าตัว มีธุรกิจเกี่ยวกับม้า ผมคุ้มทุนหรือยัง ผมถือว่าผมคุ้มทุนในชีวิตแล้ว แม้ไม่ได้คุ้มในแง่เงินทอง”
ส่วน ชัญญา ลูกสาวที่ช่วยดูแลกิจการโรงเรียนม้า แถมพ่วงตำแหน่งนักกีฬาขี่ม้าทีมชาติไทย เล่าเสริมว่า “คนไทยเรายังมองว่ากีฬาขี่ม้าเป็นกีฬาของคนชั้นสูงเท่านั้น แต่เชอรี่อยากบอกว่าการขี่ม้าเป็นเรื่องหน้าตาของประเทศ เพื่อนบ้านเราอย่างมาเลเซียสิงคโปร์พยายามผลักดันกีฬานี้มาก เพราะเป็นกีฬาสากลที่ไม่แบ่งหญิงชายและแสดงถึงพัฒนาการด้านกีฬาของประเทศนั้นๆ เป็นกีฬาที่รัฐบาลน่าจะสนับสนุนมากกว่านี้ แต่อย่างน้อยเชอรี่ก็ดีใจที่เราได้มีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าภาพในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 24 นี้ เพราะมาใช้สนามแข่งที่เรา
ตอนนี้เชอรี่ทำมูลนิธิ Riding for Disable เป็นการใช้ม้าอายุมากที่ปลดระวางจากการใช้งาน มาเป็นหมอช่วยบำบัดรักษาเด็กพิเศษหรือร่างกายไม่สมบูรณ์ โดยเปิดโอกาสให้คุณพ่อคุณแม่เข้ามามีส่วนร่วม เหมือนกรณีของน้องเมย์เด็กหูหนวกเป็นใบ้ที่มีพ่อแม่บุญธรรมเป็นชาวอังกฤษ ใช้การฝึกขี่ม้าช่วยทำให้เขามีพัฒนาการที่ดีขึ้น เชอรี่จึงอยากเอ่ยปากขอคนใจบุญให้ช่วยบริจาคพื้นที่หรือเงินสมทบให้มูลนิธิเพื่อช่วยเด็กพิเศษอีกมากมายด้วยนะคะ เพราะต่อเดือนค่าใช้จ่ายในการดูแลม้าในส่วนนี้ก็มากกว่าล้านบาท ตอนนี้เชอรี่เริ่มใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงแล้วค่ะ เราปลูกหญ้าไว้กินเอง อีกหน่อยเชอรี่จะเป็นชาวนา ปลูกข้าวให้คนเลี้ยงม้ากิน เอาฟางข้าวให้ม้ากิน เอาข้าวเปลือกไปทำที่นอนม้าได้อีกค่ะ”
“สุริวิภา” จึงพาคุณผู้ชมไปเกาะขอบรั้วสนามฝึกขี่ม้าถึง Horseshoe point พัทยา เพื่อดูให้เห็นกับตาว่า ม้าเต้นระบำได้สง่างามอย่างไร แถมไปดูม้าที่เป็น “คุณหมอ” ช่วยบำบัดรักษาเด็กพิเศษอีกด้วย
พลาดไม่ได้กับเรื่องราวของ “คนรักม้า” และ ชม ‘ม้าเต้นระบำ’ หนึ่งในมรดกตกทอดทางวัฒนธรรมจากยุคสงครามโบราณ!! ใน “สุริวิภา” พุธที่ 7 พฤศจิกายน สี่ทุ่ม ทางโมเดิร์นไนท์ทีวี