นวัตกรรมใหม่ ส่งหุ่นยนต์ "เพนกวิน" สำรวจดวงจันทร์ "

ข่าวทั่วไป Tuesday September 6, 2005 10:40 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 ก.ย.--สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ
บริษัทเรย์ธีออน (Raytheon) เผยนวัตกรรมใหม่ โดยมุ่งหมายที่จะส่งหุ่นยนต์ "เพนกวิน" ขึ้นไปกระโดดสำรวจดวงจันทร์ภายในปี ค.ศ.๒๐๐๙ ซึ่งเจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้ชื่อว่า "เพนกวิน" ถูกพัฒนาขึ้นมากว่า ๒ ปี มีความสูง ๓ ฟุต น้ำหนักประมาณ ๑๔๐ กิโลกรัม สามารถกระโดดด้วยการจุดระเบิดจากเครื่องยนต์ในตัว แม้ว่าทางผู้ผลิตจะเรียกหุ่นยนต์ตัวนี้ว่า "เพนกวิน" แต่ไม่มีส่วนใดเหมือนนกเพนกวินเลย ตัวหุ่นตั้งอยู่บนฐานที่มี ๔ ขา คล้ายๆ กับตัวโมดูลเวอร์ชั่นแรกที่ลงจอดนำนักบินอวกาศชุดแรกลงสัมผัสดวงจันทร์ ซึ่งเจ้าตัวยานที่มีลักษณะเตี้ยๆ ป้อมๆ นั้น มีความกะทัดรัดในการจุดระเบิดเครื่องยนต์เพื่อกระโดดเป็นระยะๆ
"หุ่นยนต์เพนกวิน" ถูกนำมาโชว์ในการประชุมประจำปีของสถาบันวิชาการบินและการท่องอวกาศแห่งสหรัฐฯ หรือเอไอเอเอ (the American Institute of Aeronautics and Astronautics Space 2005 Conference) ในแคลิฟอร์เนีย โดยเพนกวินสมองกลตัวนี้สามารถกระโดดแต่ละครั้งกินระยะทางประมาณ ๑ กิโลเมตร และยังสามารถพัฒนาให้มีการกระโดดในแบบอื่นๆ ให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ซึ่งอาจจะกระโดดได้ไกลกว่าในตอนนี้ก็ได้
ทั้งนี้ คาร์ลีน เซย์บอล์ด (Karleen Seybold) วิศวกรระบบระดับอาวุโสของบริษัทเรย์ธีออน เปิดเผยว่า หุ่นยนต์เพนกวินตัวนี้ ทางผู้พัฒนาตั้งใจว่าจะให้ลงจอดลงบริเวณขั้วโลกใต้ของดวงจันทร์ เพื่อเสาะหาน้ำแข็ง ซึ่งใช้เทคโนโลยีในทางยุทธวิธีมาพัฒนากับหุ่นยนต์เพนกวิน โดยทางผู้ผลิตระบุว่าสามารถปรับเข้าใช้กันได้ แต่ยังไม่เปิดเผยราคาของเจ้าหุ่นยนต์เพนกวินตัวนี้ อย่างที่รู้กันดีกว่า พื้นผิวของดวงจันทร์ขรุขระเต็มไปด้วยหลุมอุกกาบาต ซึ่งแม้แต่การหาพื้นที่ราบลงจอดยานบนดวงจันทร์นั้นลำพังก็ยากลำบากอยู่แล้ว ดังนั้นการใช้หุ่นยนต์กระโดดได้ย่อมจะมีความเป็นไปได้ในการสำรวจดวงจันทร์มากกว่าหุ่นยนต์ที่สามารถเดินทางบนพื้นราบ นับเป็นความท้าทายทางด้านวิศวกรรมหุ่นยนต์เป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ เจ้าเพนกวินใช้เครื่องยนต์จรวดที่มีฐานมาจากจรวดมิสซายโทมาฮอว์ก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีอันแสนถนัดของ "เรย์ธีออน" เพราะผลิตภัณฑ์สำคัญของทางบริษัท คือการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ให้แก่กองทัพ ส่วนหุ่นยนต์เพนกวินนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเทคโนโลยี ให้กับองค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ หรือนาซานั้นมีอยู่เป็นส่วนน้อย
(ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ ๖ กันยายน ๒๕๔๘)--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ