กรุงเทพฯ--22 พ.ค.--ดอกบัวคู่
หลังจากประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจเป็นอย่างดีทั้งในไทยและต่างประเทศ สำหรับ "ดอกบัวคู่" บริษัทผู้ผลิตยาสีฟันสมุนไพรที่คนไทยรู้จักกันมาอย่างยาวนาน และล่าสุดหัวเรือใหญ่แห่ง "ดอกบัวคู่" เตรียมเดินหน้าเต็มสูบ ลุยทำตลาดเครื่องดื่มรังนกสำเร็จรูปในไทย หลังจากทำยอดขายติดลมบน และได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 มาแล้วในประเทศจีน พร้อมเปิดตัวบริษัทลูกเจาะตลาดจีน ในนามบริษัท บัวสยาม เทรดดิ้งฯ
นายกำธน ลีเลิศพันธ์ กรรมการบริษัทดอกบัวคู่ จำกัด และประธานกรรมการ บริษัท บัวสยามเทรดดิ้ง (เซี่ยงไฮ้) จำกัด (ประเทศจีน) กล่าวว่า "บริษัท บัวสยามเทรดดิ้งฯ ได้เข้าไปทำตลาดในจีนมาแล้วกว่า 14 ปี โดยรับผิดชอบธุรกิจในจีนทั้งหมด ซึ่งสินค้าที่จำหน่าย เช่น ยาสีฟันสมุนไพร แปรงสีฟัน แชมพูสมุนไพร และเครื่องดื่มรังนกแท้สำเร็จรูป ในปัจจุบันมีสัดส่วนการขายเป็นอันดับ 1 ในตลาดสินค้าประเภทนำเข้าในกลุ่มเครื่องดื่มรังนกสำเร็จรูป ซึ่งสินค้าทั้งหมดผลิตและส่งไปจากไทย และมีช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านทั้งตัวแทน ร้านค้า ที่มีสาขาครอบคลุม และผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์นั้นได้รับความนิยมในจีนเป็นอย่างมาก จนทำให้ยอดขายสูงเป็นอันดับต้นๆ ของจีน
สำหรับสินค้ากลุ่มยาสีฟันสมุนไพรและแปรงสีฟันของดอกบัวคู่ที่ส่งไปขายจีนนั้น ถือเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยม เนื่องจากเราได้มีการปรับปรุงสูตรให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าชาวจีน ที่ไม่นิยมยาสีฟันมีรสเผ็ด และในส่วนของเครื่องดื่มรังนกแท้สำเร็จรูปดอกบัวคู่นั่น ล่าสุดเราได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มของเครื่องดื่มรังนกแท้สำเร็จรูปแบรนด์ไทยทั้งหมดที่มีขายในจีน ด้วยจุดเด่นที่ใส่รังนกแท้มากกว่ารายอื่นถึง 2 เท่า และรังนกที่ใช้ผลิตนั้นเราใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง โดยกลุ่มบริษัท ดอกบัวคู่ ได้สร้างบ้านรังนกของเราเองอยู่ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช และรับซื้อจากผู้ผลิตที่มีคุณภาพ นำเข้าสู่กระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล และขณะนี้ทางบริษัทได้เริ่มการทำตลาดเครื่องดื่มรังนกแท้ดอกบัวคู่ในประเทศไทย โดยใช้กลยุทธ์ป่าล้อมเมือง และได้เริ่มวางจำหน่ายแล้วตามร้านยี่ปั๊วตามหัวเมืองใหญ่ๆ ของไทยอีกด้วย
นายกำธน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เรายังได้เตรียมลงทุนสร้างศูนย์จัดจัดหน่ายผลิตภัณฑ์รังนกดอกบัวคู่ พร้อมผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในแนวคิดไลฟ์สไตล์ฮอลกลางใจเมือง พร้อมเปิดตัวในห้างโมเดิร์นเทรดแบบครบวงจรในไทย โดยในปีนี้ผู้บริโภคจะสามารถหาซื้อสินค้าได้ และเตรียมผลักดันเข้าช่องทางร้านสะดวกซื้อต่อไป"