กรุงเทพฯ--26 ต.ค.--ปภ.
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย รายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้และภาคกลาง ว่า มีพื้นที่ประสบภัย 5 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี เพชรบุรี และกาญจนบุรี ใน 16 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ 47 ตำบล 249 หมู่บ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน ราษฎรเดือดร้อน 11,671 คน 3,494 ครัวเรือน ทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก ได้แก่ ถนน 360 สาย สะพาน 10 แห่ง ฝาย 13 แห่ง บ่อน้ำ 65 บ่อ พื้นที่การเกษตร 25,100 ไร่ บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 264 หลัง บ่อปลา 81 บ่อ ปศุสัตว์ 96 ตัว ท่อระบายน้ำ 37 แห่ง มูลค่าความเสียหายอยู่ในระหว่างการสำรวจ
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ และภาคกลาง ได้คลี่คลายแล้ว 1 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ซึ่งยังคงมีน้ำท่วมขังในที่ลุ่มบางพื้นที่เท่านั้น ส่วนจังหวัดที่ยังประสบน้ำท่วม รวม 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ใน 3 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อ.บางสะพาน อ.หัวหิน อ.ปราณบุรี และกิ่ง อ.สามร้อยยอด โดยเฉพาะพื้นที่ อ.ปราณบุรี ต.วังก์พง หมู่บ้านเบญจภาส ระดับน้ำสูงประมาณ 0.80 เมตร ประชาชนเดือดร้อน 60 ครัวเรือน คาดหากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มเติม สถานการณ์จะคลี่คลายใน 1 — 2 วันนี้ สำหรับจังหวัดราชบุรี มีฝนตกหนัก ทำให้ระดับน้ำในลำภาชี สูงเอ่อล้นตลิ่ง ประกอบกับมีน้ำป่าจากเทือกเขาตะนาวศรีไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่การเกษตร ทำให้มีพื้นที่ประสบภัย 4 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อ.เมืองราชบุรี อ.ปากท่อ อ.โพธาราม อ.สวนผึ้ง และ กิ่ง อ.บ้านคา ราษฎรเดือดร้อน 800 คน 200 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหายประมาณ 100 ไร่ ขณะที่จังหวัดเพชบุรี ได้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ อ.ท่ายาง และ อ.หนองหญ้าปล้อง ทำให้ระดับน้ำห้วยผากและลำห้วยแม่ประจันต์ ไหลเข้าท่วมพื้นที่ 4 อำเภอ 6 ตำบล 8 หมู่บ้าน ได้แก่ อ.ท่ายาง อ.หนองหญ้าปล้อง อ.บ้านลาด และ อ.แก่งกระจาน ราษฎรเดือดร้อน 386 คน 145 ครัวเรือน นอกจากนี้ ระดับน้ำลำภาชี ได้เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี ราษฎรเดือดร้อน 700 คน 264 ครัวเรือน ถนนเสียหาย 3 สาย พื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ 3,250 ไร่ ทั้งนี้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในเขตพื้นที่ประสบภัยทั้ง 5 จังหวัด ได้เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยนำเรือท้องแบน และรถกู้ภัย ไปอพยพประชาชน และขนย้ายทรัพย์สินออกจากพื้นที่น้ำท่วมแล้ว รวมทั้งได้นำเครื่องอุปโภค บริโภค ถุงยังชีพ น้ำสะอาด ออกแจกจ่ายผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว สุดท้ายนี้ หากพื้นที่ใดได้รับความเดือดร้อนจาก สาธารณภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วน 1784 ซึ่งกรมป้องกันฯ จะให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนต่อไป--จบ--