กรุงเทพฯ--23 พ.ค.--เดอะ ฟิฟธ์ เธอร์สเดย์ ครีเอชั่น
"อิเดมิตสึ" น้ำมันเครื่อง โดยบริษัทน้ำมันอพลอลโล (ไทย) จำกัด ผู้นำด้านน้ำมันเครื่องตัวจริงจากประเทศญี่ปุ่น สร้างปรากฏการณ์ใหม่วงการน้ำมันเครื่อง รุกกลยุทธ์กิจกรรมเพื่อสังคม โชว์ไอเดียล้ำ จัดการแข่งขันชักกะเย่อเพื่อวินมอเตอร์ไซค์ครั้งแรกของเมืองไทย ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล, กองบังคับการตำรวจจราจร, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, การกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาชักกะเย่อแห่งประเทศไทย ในงาน "IDEMITSU SuperWin Tug of War" ชวนมอเตอร์ไซค์รับจ้างกว่า 1,000 ชีวิตลงชิงชัย ชิงเงินรางวัลกว่า 2 แสนบาท หวังรณรงค์กระตุ้นสำนึกผู้ขับขี่และผู้โดยสารสวมหมวกกันน็อคสนับสนุนโครงการ "ซ้อนท้ายวิน ใส่หมวก 100% By IDEMITSU" โดยการแข่งขันจบลงอย่างสวยงาม ณ อาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ
ดร.ภาวัต กัลล์ประวิทธ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท น้ำมันอพอลโล (ไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันเครื่องหล่อลื่นอิเดมิตสึ (IDEMITSU) และดาฟเน่ (DAPHNE) ในฐานะผู้สนับสนุนหลักจัดการแข่งขันชักกะเย่อครั้งนี้ กล่าวว่า ในฐานะที่บริษัทอพอลโล (ไทย) อยู่เคียงข้างทุกการเดินทางของคนไทยมากกว่า 50 ปี บริษัทมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาธุรกิจควบคู่กับสังคม เราจึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการสร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่บนท้องถนน โดยนำร่องจากผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ขับขี่หลักบนท้องถนนในทุกพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร จึงเป็นที่มาของการจัดงาน "IDEMITSU SuperWin Tug of War" แข่งขันชักกะเย่อเพื่อวินมอเตอร์ไซค์ครั้งแรกของเมืองไทย พร้อมมอบหมวกกันน็อคให้กับวินมอเตอร์ไซค์จำนวน 1,000 ใบ
"ในปีแรกเราเลือกนำร่องกิจกรรมด้วยการนำกีฬาชักกะเย่อมาต่อยอดเป็นการแข่งขันรายการนี้ เพราะเป็นกีฬาที่ต้องใช้ทักษะและความร่วมมือของคนในทีม จึงนำมาใช้ส่งเสริมให้เกิดความรักและความสามัคคี ในกลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพขี่รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง มาทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียง เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเห็นความสำคัญของการสวมหมวกกันน็อค อย่างน้อยงานนี้เราคาดหวังให้ผู้มาร่วมงานได้ตระหนักถึงความสำคัญของการสวมหมวกกันน็อคและเกิดการบอกต่อ ซึ่งเราไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่ที่แค่นี้ แต่ในอนาคตจะเปิดโอกาสตัวเองไปสู่การสนับสนุนกีฬาประเภทอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะกีฬาที่จะช่วยส่งเสริมเยาวชน"
สำหรับ "IDEMITSU SuperWin Tug of War" มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการและเริ่มการแข่งขัน ณ อาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ โดยการแข่งขันชักกะเย่อเริ่มต้นด้วยรอบพิเศษระหว่างทีมตำรวจ-นักกีฬาทีมชาติชักกะเย่อ และคู่ต่อมาเป็นรอบสีสันระหว่างระหว่างนักกีฬาทีมชาติชักกะเย่อหญิง-วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งแต่ละฝ่ายต่างออกแรงดึงกันอย่างเต็มที่ เรียกสีสันและเสียงเชียร์ได้ลั่นสนาม ก่อนจะเข้าสู่การแข่งขันจริงระหว่างวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างด้วยกัน ซึ่งมาจากวินมอเตอร์ไซค์มากกว่า 100 ทีม จาก 88 สน.ทั่วกรุงเทพ ไม่ว่าจะเป็นลาดพร้าว, หัวหมาก, ราชบูรณะ, ภาษีเจริญ, จระเข้น้อย, ชนะสงคราม, สายไหม, บึงกุ่ม, หนองแขม, บางพลี ฯลฯ
ดิเรก นันทะเสน มอเตอร์ไซค์รับจ้างจากวินรถไฟฟ้า MRT ฟอร์จูน หนึ่งในผู้เข้าแข่งขันรายการนี้ เล่าว่า ในฐานะผู้ให้บริการวินมอเตอร์ไซค์ พยายามให้ผู้โดยสารสวมใส่หมวกกันน็อคระหว่างซ้อนท้าย แต่ส่วนใหญ่ถ้าวิ่งระยะสั้นผู้โดยสารจะปฏิเสธไม่ค่อยสวมหมวกกันน็อคเท่าไร และบางครั้งผู้โดยสารจะกังวลเรื่องความสะอาดของหมวก หรือไม่อยากสวมเพราะห่วงผมเสียทรง ซึ่งเราอธิบายด้วยเหตุผลว่าเป็นเรื่องความปลอดภัยและการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเราคงไปบังคับผู้โดยสารไม่ได้ ทั้งหมดนี้ก็ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่าย รวมถึงผู้โดยสารเองก็ต้องตระหนักถึงจุดนี้ด้วย
ทั้งนี้บรรยากาศการแข่งขันดำเนินไปอย่างตื่นเต้น โดยเฉพาะคู่สุดท้าย ซึ่งเป็นการชิงชัยระหว่างทีมวินทางออกซีคอนฯ บางแค และทีมวินรถไฟฟ้าใต้ดิน ศูนย์สิริกิติ์ฯ ที่เรียกว่าไม่มีใครยอมใคร แม้ทีมวินซีคอนฯ จะมีพลาดพลั้งลื่นล้มไป แต่สุดท้ายใช้แรงฮึดสุดท้ายของทั้งทีมพลิกมาคว้าชัยได้อย่างหวุดหวิด
ธวัชชัย เพิกทิม หัวหน้าวินทางออกซีคอนฯ บางแค จากสน.ภาษีเจริญ กล่าวในฐานะตัวแทนผู้ชนะเลิศรายการนี้ว่า "ไม่คิดเลยว่าจะเป็นรายการใหญ่ขนาดนี้ และเราก็ไม่คาดคิดว่าจะมาถึงจุดนี้ คิดเพียงว่ามาช่วยรณรงค์การสวมหมวกกันน็อค ตอนชนะยังไม่รู้ว่าทีมตัวเองได้ที่ 1 ด้วยซ้ำ ก็รู้สึกดีใจและขอบคุณผู้จัดงานที่มีกิจกรรมแบบนี้มาทำร่วมกับวินมอเตอร์ไซค์ เพราะน้อยครั้งที่จะมีหน่วยงานมาทำกิจกรรมกับอาชีพวินมอเตอร์ไซค์ อย่างน้อยที่มาวันนี้ก็ได้รู้จักเพื่อนร่วมสายอาชีพเดียวกัน"
ในฐานะผู้ให้บริการวินมอเตอร์ไซค์ ธวัชชัย เผยว่าบางครั้งมีผู้โดยสารบางท่านไม่อยากสวมหมวกกันน็อค เพราะติดปัญหาเรื่องความสะอาด หรือสุภาพสตรีห่วงผมเสียทรง หรือวิ่งระยะสั้นๆ ก็ละลายไม่อยากสวมหมวกกันน็อค จึงอยากให้ทุกคนให้ความสำคัญในการสวมหมวกกันน็อค เพราะนี่คือความปลอดภัยต่อตัวผู้ขับขี่และผู้โดยสารเอง
สำหรับทีมชนะเลิศจะได้รับรางวัล 30,000 บาท พร้อมถ้วยและเหรียญรางวัล ส่วนทีมรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับเงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมถ้วยและเหรียญรางวัล ทีมรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับเงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมถ้วยและเหรียญรางวัล