กรุงเทพฯ--28 พ.ค.--Ajinomoto
การทำงานเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต
ในเดือนกันยายนปี พ.ศ. 2558 การประชุมสุดยอดผู้นำโลกของสหประชาชาติ ครั้งประวัติศาสตร์ได้ร่วมกันนำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง 17 ประการ มาใช้ (Sustainable Development Goals: SDG) ในเวลา 15 ปีต่อจากนี้ ประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะขับเคลื่อนความพยายามที่จะกำจัดความยากจนทุกรูป แบบ ต่อสู้เพื่อความเสมอภาค รวมถึงจะแก้ไขปัญหาด้านภาวะโลกร้อน1
ความพยายามในระดับนานาชาตินี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับอนาคตของโลกเรา ยกตัวอย่างเช่น หากไม่มีการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน คาดว่าอุณหภูมิพื้นผิวของ โลกเฉลี่ยจะเพิ่มสูงขึ้น 4.8 องศาเซลเซียส (8.64 องศาฟาเรนไฮต์) ภายในปี พ.ศ. 2643 (ค.ศ. 2100) หาก เราปล่อยให้ มันเกิดขึ้น ภัยพิบัติอย่างพายุเฮอริเคน และพายุอื่นๆ อาจมีความรุนแรงมากขึ้น อุทกภัยและภัยแล้งอาจเกิดถี่มากขึ้น และโรคติดต่อ เช่น โรคมาลาเรีย จะแพร่กระจายไปทั่ว2
หากปัญหาภาวะโลกร้อนรุนแรงขึ้น…
ไม่ใช่เฉพาะประเทศต่างๆ เท่านั้นที่พยายามทำให้ SDG ประสบผลสำเร็จ องค์การสหประชาชาติได้ร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ตั้งแต่เทศกาลงานครีเอทีฟเมือง คานส์ (Cannes Festival of Creativity) ไปจนถึงผู้สร้างภ นังภาพยนต์ "Angry Birds" ด้วยความตั้งใจที่จะเผยแพร่ให้โลกได้รับรู้เกี่ยวกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และการดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งแนวทางการแก้ไขเฉพาะสำหรับแต่ละเป้าหมาย3 จำนวนผู้เข้าร่วมที่สำคัญที่เพิ่มสูงขึ้น ล้วนแสดงให้เห็นถึงความต้องการในการร่วมมือ กับธุรกิจที่สนับสนุน SDG อย่างจริงจัง
นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมจำนวนขององค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ต่างมุ่งมั่นและ สมัครใจที่จะช่วยเหลือให้ SDG ประสบความสำเร็จ Ajinomoto Co., Inc. ("บริษัท Ajinomoto") มีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในองค์กรเหล่านี้ มีหลายเหตุ ผลที่ทำให้เราได้เข้ามามีส่วนร่วมและต้องการผลักดันความพยายามนี้ ประการแรก เราเป็นองค์กรนานาชาติที่มีพิมพ์เขียวขนาดใหญ่ เราดำเนินธุรกิจใน 30 ประเทศทั่วโลก และเราอยู่ในธุรกิจที่แปลงแหล่งทรัพยากรธรรมชาติให้เป็นผลิตภัณฑ์อาหารใน หน่วยการผลิตขนาดใหญ่ ดังนั้น เรารู้สึกว่าเราอยู่ในฐานะที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ ไปในทางที่ดีขึ้นได้ ประการที่สอง เรารู้สึกว่าการเข้าร่วมนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ควรจะทำ
อีกส่วนหนึ่งที่เรามุ่งเน้นโดยเฉพาะคือ พลังงานทดแทน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญสำหรับ ความยั่งยืนของโลกและทรัพยากรของเรา การใช้พลังงานทดแทนช่วยเราให้บรรลุ เป้าหมาย SDG หลายข้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง:
กรณีศึกษา: บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด โรงงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2559 บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด ได้นำระบบผลิตพลังงานจากชีวมวล (Biomass cogeneration system) มาใช้ที่โรงงานที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระบบผลิตพลังงานร่วมนี้จะ ใช้ความร้อนเพื่อผลิตไฟฟ้าและไอน้ำที่จำเป็น แน่นอนว่าคำถามคือ แล้ว เชื้อเพลิงจะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างไร ในส่วนของระบบที่จังหวัด พระนครศรีอยุธยานั้น ได้มีการนำแกลบมาใช้เป็นเชื้อเพลิง
ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่พืชดูดซับไว้ขณะที่พืชเจริญ เติบโตนั้น มีปริมาณใกล้เคียงกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมา เมื่อเผาไหม้เป็นเชื้อเพลิง อีกนัยหนึ่งคือ การใช้พืชเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพคือ "การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์"
เมื่อเปลี่ยนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลมาใช้เชื้อเพลิงชีวมวล ทำให้โรงงาน สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซ CO2 ไปได้ประมาณ 59,000 ตันต่อปี นอกจากนี้ โรงงานดังกล่าวยังสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานบางส่วน และใช้พลังงานที่ผลิตในโรงงานแทน นั่นทำให้ลดต้นทุนด้านพลังงานลง และเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตอย่างต่อเนื่อง แม้ในกรณีที่มีปัญหา พลังงานไฟฟ้าในโรงงาน
ผลลัพธ์หนึ่งที่ได้จากการนำระบบผลิตพลังงานจากชีวมวลมาใช้คือ ปัจจุบัน บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด ควบคุมการผลิตเชื้อเพลิงของ ตนเองในทุกด้าน เริ่มตั้งแต่การรับแกลบมาใช้ในกระบวนการผลิต พลังงานหมุนเวียน จนเผาผลาญเป็นเถ้าแกลบ และนำกลับมาใช้ประโยชน์ อย่างมีประสิทธิภาพ4 นี่เป็นตัวอย่างสำคัญของความมุ่งมั่นของเราที่จะลด การใช้แหล่งทรัพยากรจากธรรมชาติที่มีจำกัด ช่วยลดมลพิษ และสนับสนุน ชาวบ้านและธุรกิจในท้องถิ่นให้ประสบความสำเร็จ
โรงงานที่อยุธยา ประเทศไทย
การนำเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาใช้ในระดับสากลเศรษฐกิจเชิงเส้นตรงแบบดั้งเดิมสร้างของเสียมากมาย หลักพื้นฐานของ กระบวนการคือ ผลิตสินค้า ใช้สินค้า และสินค้านั้นถูกกำจัดทิ้งไป
ในทางกลับกัน เศรษฐกิจหมุนเวียนจะรักษาทรัพยากรให้สามารถใช้งานได้นา นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดึงเอาคุณค่าออกมาให้ได้สูงที่สุด จากนั้นฟื้นฟูหรือสร้าง แหล่งทรัพยากรใหม่จากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดอายุการใช้งานเพื่อสร้าง ผลิตภัณฑ์ใหม่หรือวัสดุใหม่ขึ้นมา4 เศรษฐกิจเชิงเส้นตรงเทียบกับเศรษฐกิจหมุนเวียน
นำมาใช้จาก "มูลนิธิ Ellen MacArthur"
บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ มีความมุ่งมั่นที่จะนำเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ในระดับ สากลในหลายประเทศที่เราได้ดำเนินธุรกิจอยู่ โดยเรามุ่งเน้นที่การลดของ เสียและการกำจัดขยะ เพิ่มการ รีไซเคิล แบ่งปัน และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นหลัก
กรณีศึกษา: บริษัทอายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศบราซิล AJINOMOTO DO BRASIL INDÚSTRIA E COMÉRCIO DE ALIMENTOS LTDA
ที่บริษัท AJINOMOTO DO BRASIL INDÚSTRIA E COMÉRCIO DE ALIMENTOS LTDA., ("AJINOMOTO DO BRASIL") การสร้างค่านิยมและ ความยั่งยืนเป็นศูนย์กลางของทุกกิจกรรมที่เราทำ ยกตัวอย่างเช่น การใช้ ประโยชน์จากอ้อยที่ใช้เป็นวัตถุดิบพื้นฐานในการผลิตเครื่องปรุงรสอูมามิ AJI-NO-MOTO(R) ในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต และการผลิตปุ๋ยโดย เป็นผลิตภัณฑ์ร่วมของกระบวนการผลิตกรดอะมิโน จากนั้นได้จำหน่าย ปุ๋ยเหล่านี้ให้กับเกษตรกรในท้องถิ่น ซึ่งสามารถใช้ได้กับภาคการเกษตรที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น ไร่มะเขือเทศ ไร่องุ่น ไร่กาแฟ รวมถึงไร่อ้อยด้วย
โรงงานที่บราซิลได้ริเริ่มในลักษณะคล้ายกันกับโรงงานในประเทศไทย Ajinomoto Group ในประเทศบราซิลได้ติดตั้งหม้อต้มไอน้ำพลังงานชีวมวลใน 3 โรงงานที่ตั้งอยู่ในเซาเปาโล นั่นคือ เมืองลารานจาล เปาลิสตา เมือง ลีเมย์รา และเมืองเปเดอไนราส ผลที่ได้คือ ในช่วงเดือนเมษายน พ.ศ. 2559
ถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2560 ปริมาณการปล่อยก๊าซ CO2 ลดลงร้อยละ 41จนกลายเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับศูนย์ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์มากกว่าร้อยละ 80 จากโรงงานเหล่านี้ผลิตด้วยกระบวนการด้านอุตสาหกรรมที่มีต้นทุนต่ำกว่า การใช้พลังงานจากฟอสซิล รวมถึงมีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกือบ เป็นศูนย์ด้วย
ความมุ่งมั่นของ AJINOMOTO DO BRASIL ที่มีต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไม่ได้ หยุดอยู่แค่ตรงนี้ นอกจากนี้ โรงงานเหล่านี้ยังลดการใช้น้ำลงได้ถึงร้อยละ 42 จากการศึกษาและการร่วมมือกันภายใน ในการใช้นโยบาย "3 R" นั่นคือ reduce (ลด), reuse (ใช้ซ้ำ), และ recycle (รีไซเคิล) ซึ่งปริมาณน้ำที่ลดได้ดังกล่าวเท่ากับ น้ำในสระว่ายน้ำที่ใช้แข่งขันกีฬาโอลิมปิกจำนวน 5 สระ
มุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันได้มีการนำหม้อต้มเชื้อเพลิงชีวมวลมาใช้ในโรงงานของเราแล้วจำนวน 10 โรงงานทั่วโลก เป้าหมายของเราคือ ภายในปี พ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030) เราต้องการให้ร้อยละ50 ของโรงงานของเรา ซึ่งมีอยู่ 108 โรงงานได้ใช้พลังงาน ทดแทนในกระบวนการผลิต
บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศเวียดนาม - โรงงานใช้หม้อต้มไอน้ำ พลังงานชีวมวลโดยใช้แกลบเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งสามารถลดการปล่อยก๊าซ CO2 ลงได้ถึงร้อยละ 50
เรารับผิดชอบต่อลูกค้าของเรา พนักงานของเรา และชุมชนท้องถิ่นที่เราดำ เนินธุรกิจอยู่ รวมถึงโลกใบนี้ของเราด้วย เราจะมุ่งสู่อนาคตด้วยการผลักดัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่เราอธิบายไว้ข้างต้น
เกี่ยวกับบริษัท Ajinomoto Co., Inc.
บริษัท Ajinomoto เป็นผู้ผลิตเครื่องปรุง อาหารแปรรูป เครื่องดื่มคุณภาพสูง รวมถึง ผลิตภัณฑ์กรดอะมิโน ยารักษาโรค และสารเคมีคุณลักษณะพิเศษ เป็นเวลาหลาย ปีแล้วที่บริษัท Ajinomoto ได้สนับสนุนวัฒนธรรมด้านอาหารและสุขภาพมนุษย์ ผ่านการใช้เทคโนโลยีกรดอะมิโนอย่างกว้างขวาง ปัจจุบันบริษัทได้มีความเกี่ยวโยง เพิ่มขึ้นกับแนวทางเพื่อการพัฒนาแหล่งทรัพยากรอาหาร สุขภาพมนุษย์ และความ ยั่งยืนสากล บริษัทก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2452 และตอนนี้ดำเนินกิจการใน 35 ประเทศ และภูมิภาค บริษัท Ajinomoto มียอดขายสุทธิในปีงบประมาณ 2560 จำนวน 1,150.2 ล้านเยน (10,360 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท Ajinomoto (TYO : 2802) และจดหมายข่าวฉบับก่อนหน้านี้ กรุณาไปที่ www.ajinomoto.com.
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมหรืออ้างอิงและวารสารวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนข้อมูลที่อยู่ในจด หมายข่าวนี้ กรุณาติดต่อบริษัท Ajinomoto Co., Inc. แผนกสื่อสารสากล (Global Communications Department) : ajigcd_newsletter@ajinomoto.com.
อ้างอิง:
1. "วาระการพัฒนาที่ยั่งยืน" องค์การสหประชาติ http://www.un.org/sustainabledevelopment/development-agenda/
2. "ผลกระทบของภาวะโลกร้อน" National Geographic, https://www.nationalgeographic.com/environment/global-warming/global-warming-effects/
3. "ความร่วมมือสำหรับ SDG" องค์การสหประชาชาติ https://sustainabledevelopment.un.org/partnerships/
4. ข้อมูลในไฟล์