กรุงเทพฯ--30 พ.ค.--ธนาคารกรุงเทพ
ธนาคารกรุงเทพจับมือเครือข่ายพันธมิตรระดับโลก พัฒนาโครงการ Marco Polo สร้างระบบ Trade Finance ยุคใหม่ ดึงเทคโนโลยีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดอุปสรรค-ความเสี่ยง ย้ำใช้ง่าย เร็ว ปลอดภัย มั่นใจตอบโจทย์ลูกค้าธุรกิจระหว่างประเทศ
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในฐานะธนาคารชั้นนำแห่งภูมิเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรในโครงการ Marco Polo ซึ่งเป็นโครงการเพื่อพัฒนาระบบการให้บริการทางการเงินเพื่อการค้าระหว่างประเทศ (Trade Finance) โดยเป็นความร่วมมือระหว่างกลุ่มพันธมิตร R3 (R3 Consortium) ผู้พัฒนาเทคโนโลยีและซอฟท์แวร์ด้านการเงินแห่งอนาคต TradeIX ผู้เชี่ยวชาญสำหรับการค้าระหว่างประเทศ (Trade Finance Technology Specialist) และสถาบันการเงินชั้นนำระดับโลกซึ่งรวมถึงธนาคารกรุงเทพด้วย
โครงการ Marco Polo เป็นการพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งสร้างความเชื่อมโยงของเครือข่ายธุรกิจ (Interoperable Business Network)โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain R3's Corda Platform และ TradeIX's TIX platform และ Open API (Application Programming Interface) ในการเชื่อมต่อและรองรับการทำธุรกรรมระหว่างกัน ทำให้เกิดประโยชน์กับทุกๆฝ่าย ที่เกี่ยวข้องกับวงจรการค้าระหว่างประเทศ (Trade Finance Ecosystem) โดยจะเป็นโซลูชั่นสำหรับ Open Account Trade Finance ที่สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลในระบบได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นการสนับสนุนการทำธุรกรรมที่มีประสิทธิภาพอย่างครบวงจร เรียลไทม์ สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการใช้งานได้อย่างหลากหลาย มีความสะดวก และปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยโครงการในระยะแรก โซลูชั่นจะมุ่งเน้นในด้านการลดความเสี่ยงการรับชำระค่าสินค้าบริการ และการให้สินเชื่อลูกหนี้การค้า
นายเอียน กาย กิลลาด ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพมีความมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาสนับสนุนบริการทางการเงินเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด และธนาคารยินดีที่ได้พัฒนาความร่วมมือกับ R3 และ TradeIX ตลอดจนธนาคารชั้นนำจากทั่วโลกที่เข้าร่วมโครงการ Marco Polo เพื่อนำเทคโนโลยี Distributed Ledger มาประยุกต์ใช้ซึ่งสามารถช่วยลดความยุ่งยากซับซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพของการให้บริการ Trade Finance
นางพรนิจ ตุลย์วัฒนจิต ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายปฏิบัติการสนับสนุน ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ปัจจุบันลูกค้าของธนาคารได้ปรับตัวโดยใช้เทคโนโลยีต่างๆ มาสนับสนุนการดำเนินธุรกิจมากขึ้น โดยMarco Polo นับเป็นโครงการนวัตกรรมใหม่ที่จะช่วยตอบสนองการใช้งานทางธุรกิจได้ดียิ่งขึ้นผ่านเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ สามารถแปลงกระบวนการที่สลับซับซ้อนให้ง่ายขึ้น และดำเนินการได้เร็วขึ้น ขณะเดียวกันก็เชื่อมั่นได้มากขึ้นในระบบดูแลความปลอดภัยของการทำธุรกรรมต่างๆ จึงมั่นใจว่าจะยิ่งเป็นแรงกระตุ้นให้ผู้ประกอบการในไทยหันมาทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัล โดยเฉพาะธุรกรรมด้านการค้าระหว่างประเทศมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายเดวิด รัตเตอร์ ซีอีโอ R3 กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพถือเป็นธนาคารไทยแห่งแรกที่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ R3 มาตั้งแต่ปี 2016 เรามีความตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมมือกันกับธนาคารและ TradeIX ในการสร้าง Marco Polo ที่จะเป็นเสมือนมาตรฐานใหม่ในการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับบริการด้าน Trade Finance
ขณะที่ นายดาเนียล คอตติ CFO and Bank Partner Relationships ของ TradeIX กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ธนาคารกรุงเทพได้เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรในโครงการMarco Polo ซึ่งเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถช่วยกันส่งมอบบริการทางการเงินที่ดีให้กับลูกค้าธุรกิจของธนาคาร ตลอดจนคาดหวังว่าโครงการนี้จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของบริการ Trade Finance