กรุงเทพฯ--30 พ.ค.--บี.กริม เพาเวอร์
BGRIM ประกาศ 2 ดีลใหญ่ เทกโอเวอร์โซลาร์ฟาร์มขนาดกำลังการผลิต 60 เมกะวัตต์ ในจังหวัดนครปฐมและจังหวัดอยุธยา สามารถรับรู้รายได้เข้ามาทันที 500 ล้านบาทในไตรมาส 3/61 พร้อมจ่อเซ็นสัญญาร่วมทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน 420 เมกะวัตต์ภายในเดือนมิถุนายนนี้ หนุนผลงานในปีนี้และปีหน้าเติบโตอย่างก้าวกระโดด-กำไรทะลัก
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้บรรลุข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวนทั้งสิ้น 8 โครงการ ในจังหวัดนครปฐมและจังหวัดอยุธยา ขนาดกำลังการผลิต 60 เมกะวัตต์ มูลค่าการลงทุน 600 ล้านบาท โดยซื้อจาก บริษัท ยันฮี โซล่า เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ร่วมทุนในโครงการ โดยบริษัทฯจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นจาก 49% เป็น 100%ในบริษัท บี.กริม ยันฮี โซลาร์ จำกัด
หลังจากปรับโครงสร้างการถือหุ้นแล้วเสร็จ BGRIM สามารถรับรู้รายได้เข้ามาทันทีในไตรมาส 3/61 โดยโครงการนี้มีสัญญาขายไฟให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นเวลา 25 ปี จำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้วตั้งแต่สิ้นปี 2558 มีรายได้ปีละกว่า 500 ล้านบาท EBITDA ปีละกว่า 400 ล้านบาท และกำไรสุทธิปีละกว่า 100 ล้านบาท ผลักดันให้รายได้และกำไรของบริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
นอกจากนี้ ภายในเดือนมิถุนายน 2561 บริษัทฯเตรียมเซ็นสัญญาร่วมทุนโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ใหญ่ที่สุดในเวียดนามและในอาเซียนขนาดกำลังการผลิต 420 เมกะวัตต์ ร่วมกับบริษัท Xuan Cau Co.,Ltd. ดังนั้นจะส่งผลให้แนวโน้มผลการดำเนินงานของ BGRIM เติบโตอย่างก้าวกระโดด ทั้งในส่วนของรายได้และกำไรอันเนื่องมาจากจำนวนกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยบริษัทฯ วางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้จากโรงไฟฟ้าต่างประเทศเพิ่มเป็น 30% ภายในปี 2565 จากปัจจุบัน 6% และตั้งเป้าสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่มเป็น 30% จากเดิมที่12% ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นกว่า 65% ในอีก 5 ปีข้างหน้า
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/61 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและการให้บริการจำนวน 8,156 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิปรับปรุง 512 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยได้รับปัจจัยหนุนจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 3 (ABPR 3) ซึ่งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD)เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 กำลังการผลิต 133 เมกะวัตต์ และการเพิ่มขึ้นของความต้องการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร แหลมฉบัง และเหมราช
นอกจากนี้จะมีโครงการ SPP อีก 2 โครงการ ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง กำลังการผลิตรวม 266 เมกะวัตต์ ที่จะ COD ตามกำหนดในช่วงเดือนมิถุนายน 2561 และ เดือนตุลาคม 2561 ตามลำดับ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งร่วมกับองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกและสหกรณ์ภาคการเกษตรจำนวนรวม 7 โครงการ กำลังการผลิตรวม 31 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ 1 โครงการในสปป. ลาว กำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์ ที่จะ COD ภายในปีนี้อีกด้วย