กรุงเทพฯ--30 พ.ค.--โซกู๊ด คอนซัลติ้ง
เบทาโกร ดัน S-Pure เนื้อหมู-เนื้อไก่-ไข่ไก่ คุณภาพระดับพรีเมี่ยม เลี้ยงผ่านกรรมวิธีตามธรรมชาติ ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ ไม่ใช้ฮอร์โมน ไม่ใช้สารเร่งโต ทั้งกระบวนการผลิต ผ่านการแปรรูปที่ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพื่อผู้บริโภคสุขภาพดีอย่างยั่งยืน ตอกย้ำความเป็นผู้นำมาตรฐานการผลิตอาหารคุณภาพของประเทศไทย ได้รับการรับรองไม่มียาปฏิชีวนะ จาก NSF เป็นรายแรกของโลก พร้อมรุกตลาดอาหารแปรรูป ลงทุน 750 ล้าน สร้างโรงงานใหม่ Betagro Central Kitchen นวนคร กำลังการผลิต8,000 ตันต่อปี คาดดันยอดขายอาหารแปรรูปโต 50% สร้างศูนย์นวัตกรรมอาหาร รองรับเทรนด์อาหารในอนาคต พัฒนาสินค้ามากกว่า 1,000 รายการ
นายสมศักดิ์ บุญลาภ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร สายงานปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจอาหาร เครือเบทาโกร เปิดเผยในงาน Thaifex 2018 ว่า ทิศทางธุรกิจอาหารปีนี้ เบทาโกรจะเน้นตลาดอาหารสดระดับพรีเมี่ยม โดยปัจจุบัน S-Pure ถือครองส่วนแบ่งตลาดถึง 90% โดยตลาดในประเทศ มุ่งขยายช่องทางจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมพื้นที่มากยิ่งขึ้น ทั้งในเขตเมืองใหญ่ เมืองท่องเที่ยว ผ่านร้านค้าปลีกชั้นนำ อาทิGourmet Market, Home Fresh Mart, Central Food Hall, Tops Market และ Villa Market เป็นต้น สำหรับตลาดส่งออก มีแผนขยายตลาดไปในประเทศ บาห์เรน กาตาร์ สเปน และโรมาเนีย โดยปีนี้ตั้งเป้าส่งออกเนื้อไก่ 78,000 ตัน เนื้อหมู 5,800 ตัน เพิ่มขึ้น 17% จากปีที่ผ่านมา
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อถึง ภาพรวมตลาดอาหารแปรรูปและอาหารพร้อมทานของประเทศไทยในปัจจุบันว่า มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น สำหรับสินค้าอาหารแปรูปของเครือเบทาโกร ไตรมาสแรกปีนี้ มีอัตราเติบโต 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา บริษัทฯ จึงใช้งบลงทุน 750 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานผลิตสินค้าแห่งใหม่ หรือ Betagro Central Kitchen ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จังหวัดปทุมธานี พื้นที่11,015 ตารางเมตร กำลังการผลิต 8,000 ตันต่อปี เพื่อรองรับตลาดดังกล่าว
จากผลการสำรวจความต้องการผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์แบบชีวิตคนเมือง พบว่า สินค้าประเภทแปรรูป และพร้อมทาน หรือ Ready to Eat กลายเป็นทางเลือกสำคัญของผู้บริโภคเพราะประหยัดเวลา และลดขั้นตอนของการเตรียมอาหาร โดยพบว่า ผู้บริโภคทานอาหารนอกบ้านกว่าครึ่งนึงของมื้ออาหารทั้งหมดต่อเดือน คือ เฉลี่ย 56 ครั้งต่อเดือน และเข้าร้านสะดวกซื้อ 21 ครั้งต่อเดือน1 เพื่อทานอาหารรองท้อง และกลายเป็นไลฟ์สไตล์ส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว แม้ว่าผู้บริโภคจะเน้นเรื่องความง่าย สะดวกสบาย แต่ยังใส่ใจสุขภาพ เน้นคุณภาพอาหาร และรสชาติ
ในส่วนของ Betagro Central Kitchen แห่งใหม่ ได้สร้างศูนย์นวัตกรรมอาหาร (FIC) เพื่อรองรับ เทรนด์อาหารในอนาคต ทำหน้าที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย ทั้งวัตถุดิบคุณภาพ ด้านโภชนาการ มากกว่า 1,000 รายการ ใน 6 หมวดสินค้า ได้แก่ 1) อาหารทานเล่นและสินค้าทอด (Appetizer) ประเภทหมู ไก่ 2) ผลิตภัณฑ์ไข่ปรุงสุก (Processed Egg) เช่น ไข่ต้มปอกเปลือก ไข่ตุ๋น 3) ข้าวกล่องพร้อมรับประทาน (Ready Meal) 4) กับข้าวสำเร็จรูป (Cuisine) 5) เบเกอรี่ (Bakery) และ 6) ผลิตภัณฑ์ปรุงรส (Seasoning) เช่น น้ำยำ น้ำจิ้ม เป็นต้นนอกจากนี้ เครือเบทาโกร ยังได้ร่วมกับพันธมิตรคือ ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ฯลฯ ในการพัฒนาความหลากหลายของอาหารพร้อมทานเพื่อยกระดับมาตรฐานคุณภาพ รสชาติ รวมทั้ง ขนาดน้ำหนัก และ รูปแบบบรรจุภัณฑ์ (Packaging) เพิ่มความสะดวกสบาย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค โดยคาดว่าจะเพิ่มยอดขายให้บริษัทฯ ถึง 650 ล้านบาทสำหรับงาน THAIFEX: World of Food Asia 2018 ซึ่งจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 29 พ.ค. – 2 มิ.ย.นี้ เครือเบทาโกรร่วมแสดงสินค้าอาหารคุณภาพสูง ภายใต้แนวคิด Uncompromising Quality ไม่ดีจริง…ไม่ถึงมือคุณ ชูไฮไลท์ Antibiotics - Free Zone ตอกย้ำความสำเร็จของสินค้าเอสเพียว (S-Pure) เนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ คุณภาพระดับพรีเมี่ยม ได้รับการรับรองไม่มียาปฏิชีวนะทั้งกระบวนการผลิต จากเอ็นเอสเอฟ (NSF) เป็นรายแรกของโลก พร้อมเปิดตัวสินค้าใหม่ ไส้กรอก S-Pure และโซน Betagro Central Kitchen โชว์ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป อาหารพร้อมทาน ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หลากหลายรายการ ชม Cooking Show โดยMaster Chef จาก Thailand Culinary Academy ตลอดวัน จำหน่ายสินค้าราคาพิเศษ ณ บูธเบทาโกร SS01, RR01 ฮอลล์ 7 อิมแพ็ค เมืองทองธานี