กรุงเทพฯ--7 มี.ค.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวถึงนโยบายเศรษฐกิจใหม่ ในงาน Top Executives’ Networking Forum 2005 จัดโดยสภาธุรกิจตลาดทุนไทยในวันที่ 4 มีนาคม 2548 ที่จ.ภูเก็ต ว่าความสำเร็จของประเทศ มาจากภาคธุรกิจเป็นหลัก ดังนั้น การที่ 4 องค์กรหลักอันประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ได้ประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันในปฏิญญาภูเก็ตในวันนี้ จึงนับเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม และถือว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่
ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กล่าวว่า หัวข้อการสัมมนาในงานที่จัดขึ้นในครั้งนี้ ทุกหัวข้อล้วนมีจุดมุ่งหมายสำคัญ เช่น การทำความเข้าใจเรื่องการแปรรูปรัฐวิสาหกิจให้มีความเข้าใจที่ชัดเจนว่าจริง ๆ แล้วคือการพัฒนา และเป็นการขับเคลื่อนให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ ไม่ใช่การขายสมบัติของชาติ ดังนั้น ยิ่งมีการสื่อความ
ประชาชนก็จะยิ่งเข้าใจและสนับสนุน
ส่วนการกล่าวถึงเครื่องมือทางการเงินใหม่ ๆ ต้องนับเป็นหลักชัยในอนาคตของตลาดทุน การประกาศ SET100 ไม่ใช่ทำแค่โก้ แต่ความหมายยิ่งใหญ่ เป็นการนำเสนอบริษัทตัวแทนของไทยที่มีคุณภาพมี
ธรรมาภิบาลว่าไทยมีตัวแทนที่แสดงถึงพลัง ความสามารถว่าคือบริษัทที่เป็นตัวแทนของ ไทย และทุกปีจะมีการทบทวน หากมีบริษัทที่ไม่มีธรรมาภิบาลก็จะหลุดจาก list บริษัทที่ดีก็จะเข้ามาบริษัทเหล่านี้จะเป็นตัวแทนประเทศ ทำให้ต่างชาติรู้ว่าเป็นบริษัทที่ดี ทั้งใหญ่ กลาง มีความหลากหลาย
การพูดในครั้งนี้ถือว่าเป็นการพูดก่อนที่จะมีการจัดตั้งครม. และขอพูดถึงทั้งข่าวทั้งลบและบวก ข่าวบวกคือข่าวที่ไทยจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจในเอเชีย ทำให้รู้ว่าประเทศไทยมีศักยภาพ และทำให้เห็นว่า 4 ปีแห่งการทำงานหนักของรัฐและเอกชนเริ่มส่งผล
แต่ข่าวในเชิงลบคือ ไทยยังมีจุดอ่อนอยู่ โครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ เอื้ออำนวยให้เกิดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งเป็นธรรมชาติของทุกประเทศ ซึ่งถ้าไม่แก้ไข ก็จะก่อให้เกิดผลเสีย
เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศมาจากการหลั่งไหลของทุนต่างประเทศ เป็นประเทศที่ต้องพึ่งพิงการนำเข้า เศรษฐกิจจะฟื้นตัวต้องมีการนำเข้าสูงทำให้มีการส่งออกสูงขึ้นตาม การที่จะทำให้ไทยเป็นประเทศที่อิงกับการส่งออกอย่างเดียวทำให้ไม่อุ่นใจพอ เช่น เมื่อตลาดอิเล็กทรอนิกส์ทรุดตัวลง แต่ยังต้องมีการนำเข้าวัตถุดิบสูงเพื่อป้อนกระบวนการผลิต ทำให้มีการนำเข้าสูง แต่การส่งออกลดลงตามตลาดโลก ทำให้เกิดปัญหาการขาดดุล
ซึ่งไม่ควรตกใจ เพราะถ้าเข้าใจถึงรากของปัญหา เมื่อมีสัญญาณต้องร่วมกันแก้ไข อีก 4 ปีจะเป็นปีแห่งการสร้าง การปฏิรูป เป็นการเปลี่ยนจากการ reform เป็น transform เป็นความท้าทายไม่ใช่น่าตกใจ ยิ่งมีสัญญาณยิ่งต้องแก้ไข
หากต้องการลดการพึ่งพิงการส่งออก ต้องทำให้ตลาดในประเทศเข้มแข็ง ซึ่งหมายถึงการที่เศรษฐกิจภายในต้องเข้มแข็ง เศรษฐกิจชุมชนต้องมีความเข้มแข็ง ขจัดความยากจนทำให้ประชาชนมีรายได้ ดังนั้น 4 ปีข้างหน้า ถ้ารวมพลังอย่างแท้จริงก็จะดีขึ้น
สำหรับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจนั้น ถ้ารู้ว่ามีจุดอ่อน ต้องดูแล เพราะรัฐไม่สามารถสั่งหรือเนรมิตได้ เศรษฐกิจอยู่ในมือภาคเอกชน การที่ 4 องค์กรร่วมกันเป็นสัญญาณที่ดีมาก 4 ปีข้างหน้าจะได้เห็นการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างแน่นอน
ในด้านการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญจะต้องมีการเร่งพัฒนาทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ การเรียนฟรีแต่ไม่มีสาระที่เป็นประโยชน์ ก็ถือว่าไม่มีการปฏิรูป
“ภายใน 2 ปี โรงเรียนต่าง ๆ จะต้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้ ถ้าพัฒนาซอฟต์แวร์ การเรียนการสอนให้โรงเรียนในชนบท ให้สามารถต่อเชื่อมข้อมูลข่าวสารกับหลักสูตรใหม่ทันที จึงจะเกิดการปฏิรูปขึ้น
ใน 2 ปีจะมีการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ 3 แสนเครื่องให้กับโรงเรียนต่าง ๆ ซึ่งงบส่วนหนึ่งจะมาจากภาครัฐและส่วนหนึ่งจะระดมจากภาคเอกชนเข้ามาสนับสนุน หากบริษัทใดสนับสนุนก็จะช่วยประหยัดภาษีให้2 เท่า”
เรื่องที่ 4 ใน 4 ปีนี้ จะได้เห็นการปฏิรูประบบราชการแน่นอน จะมีการยกเครื่องกฏระเบียบรัฐครั้งใหญ่ ปัจจุบันมีรัฐวิสาหกิจกว่า 60 แห่ง ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน เมื่อมีการแปรรูปแล้ว หากรัฐวิสาหกิจใดจำเป็นต้องเข้า จดทะเบียนก็เข้า แต่ไม่ใช่เงื่อนไขหลัก จากนี้ไป ผู้อำนวยการของรัฐวิสาหกิจ ต้องมีการแถลงต่อประชาชน
การ transform มีเงื่อนไขมาก และต้องการความตั้งใจจริงที่จะทำ ไม่มีทางลัด ดังนั้น ท่าน CEO ทั้งหลายต้องช่วยกัน และขอร้องให้มั่นใจและเชื่อถือรัฐบาล ขอให้ท่านรวมพลังอย่างจริงจัง และต้องมี trust และ confidence โดยไม่เพียงแต่นั่งรอ ซึ่งถ้าเราตั้งใจจริง ดัชนี 1,000 จุด ก็มีสิทธิ์ได้เห็น รวมถึงอัตราจีดีพี 5 6 หรือ 7 เปอร์เซ็นต์ ก็ไม่ยาก
ผมหวังจะได้เห็นความก้าวหน้าของการรวมพลังของภาคเศรษฐกิจ ขอให้ทั้ง 4 องค์กรร่วมมือกันอย่างจริงจัง ขอขอบคุณทุกท่านต้องถือว่าทุกท่านกำลังสร้างประวัติศาสตร์ใหม่และขอให้คอยดูผลว่าอีก 4 ปีจะเป็นอย่างไร
ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร
ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229 — 2036 /
กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 0-2229 — 2037/
ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229 — 2049 /
วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797--จบ--