กรุงเทพฯ--2 มิ.ย.--คาร์ล บายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์
ในโอกาสเดินทางมาประเทศไทย มร. อนันด์ จันทรเซเคอร์ รองประธานฝ่ายองค์กร อินเทล คอร์ปอเรชั่น ได้แสดงเจตนารมณ์ของอินเทลในการสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวสู่สังคมแห่งฐานการเรียนรู้ดังที่รัฐบาลได้วางเป้าหมายไว้ ทั้งนี้ มร.อนันด์ ได้กล่าวในงานครบรอบ
หนึ่งทศวรรษของการดำเนินธุรกิจของอินเทลในประเทศไทยว่า หากรัฐบาลยังผลักดันให้มีการใช้เทคโนโลยีดิจิตอลต่อไปอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมในรูปแบบของดิจิตอลซิตี้ และก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านดิจิตอลในภูมิภาคอาเซียนได้
ดิจิตอลวิลเลจ หรือ ดิจิตอลซิตี้ หมายถึงชุมชนที่มีการเชื่อมโยงถึงกันโดยผ่านเครือข่ายการสื่อสารแบบ บรอดแบนด์ ซึ่งเป็นโครงสร้างการประมวลผลที่เน้นด้านบริการและความคล่องตัวในการใช้งานบน
มาตรฐานอุตสาหกรรมแบบเปิด เข้ากับบริการแนวใหม่เพื่อให้สนองตอบความต้องการของหน่วยงานภาครัฐและข้าราชการ ตลอดจนประชาชนและองค์กรธุรกิจต่างๆ ได้เต็มที่ ปัจจุบัน อินเทลได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในหลายด้านเพื่อสร้างและเข้าถึงดิจิตอลวิลเลจหรือดิจิตอลซิตี้ รวมถึงการสร้างโครงข่ายที่มีกำลังส่งสูง เซิร์ฟเวอร์สมรรถนะสูงสำหรับการให้บริการในเมือง ตลอดจนการใช้งานในลักษณะโมบายล์ได้อย่างสะดวกสบายและทั่วถึง
มร. อนันด์ กล่าวว่า “ตลอดเวลาหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา อินเทลได้ดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อช่วยให้
คนไทยมีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างทั่วถึง อาทิ โครงการคอมพิวเตอร์ราคาย่อมเยา การสนับสนุนผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม โครงการด้านการศึกษาและกิจกรรมช่วยเหลือชุมชนต่างๆ ที่ผ่านมา อินเทลได้ร่วมงานกับภาครัฐและอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิดเพื่อช่วยลดช่องว่างในการเข้าถึงเทคโนโลยีของคนไทย ซึ่งจะนำเทคโนโลยีดิจิตอลไปสู่ชุมชน โรงเรียน องค์กรธุรกิจ และเมืองใหญ่ต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาประเทศ เพิ่มผลผลิต และก้าวสู่บทบาทการเป็นผู้นำในดิจิตอลอาเซียนต่อไปได้”
นายคณวัฒน์ วศินสังวร ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวในงานครบรอบสิบปีของอินเทลประเทศไทยว่า “นับตั้งแต่อินเทลได้ก่อตั้งสำนักงานสาขาขึ้นในประเทศไทยเมื่อ 10 ปีที่แล้ว รัฐบาลและอินเทลได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้วยเทคโนโลยีดิจิตอล รวมถึงการริเริ่มโครงการต่างๆ ที่มุ่งส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทั่วทั้งประเทศ โดยครอบคลุมถึงโรงเรียนและพื้นที่ต่างๆ ที่อยู่ห่างไกลจากตัวเมืองด้วย ซึ่งสิ่งนี้นับเป็นพื้นฐานสำหรับการพัฒนาประเทศในอนาคต”
ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและหน่วยงานภาครัฐนับว่าเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ เพราะสองกลุ่มนี้เป็นตัวกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ จากผลสำรวจของไอดีซีแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยได้ทวีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นในดิจิตอลอาเซียน เนื่องจากตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของไทยเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มร.อนันด์ กล่าวเสริมว่า “เพื่อเพิ่มโอกาสด้านการเติบโตของประเทศไทยให้ได้มากที่สุด ประเทศไทยจำเป็นต้องเตรียมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบรนด์และเครือข่ายไร้สายให้ครอบคลุมได้ทั่วทั้งประเทศ เพราะสิ่งนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำประเทศไทยไปสู่ความสำเร็จในโลกดิจิตอล ทั้งนี้ อินเทลยังคงมุ่งมั่นที่จะให้ความร่วมมือกับคู่ค้าในอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ เพื่อช่วยกระตุ้นให้อุตสาหกรรมมีการพัฒนาและเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
เยาวชนไทยเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อการนำพาประเทศไปสู่ความสำเร็จ นายเอกรัศมิ์
อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยในงานเดียวกันนี้ว่า “เยาวชนไทยคืออนาคตของประเทศชาติ และเราควรทำทุกวิถีทางเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับเยาวชนของเรามากที่สุด การนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาผนวกเข้ากับระบบการศึกษาของไทยและการเพิ่มพูนความรู้ความสามารถด้านไอทีให้แก่เยาวชนจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งตัวเยาวชน เอง และต่อการพัฒนาประเทศต่อไปในระยะยาว”
ที่ผ่านมา อินเทลได้ให้การสนับสนุนด้านการอบรมครูไปแล้วจำนวนกว่า 8,500 คน และนักเรียน
นักศึกษาอีกหลายหมื่นคน ผ่านโครงการด้านการศึกษา เช่น โครงการ Intel? Teach to the Future
และโครงการประกวดผลงานทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ระดับนานาชาติ หรือ อินเทล ไอเซฟ (Intel International Science and Engineering Fair — Intel ISEF) ทั้งนี้ เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการศึกษาและการเรียนรู้ให้กับทั้งครูและนักเรียนนักศึกษาของไทย
ล่าสุด อินเทลได้ประกาศให้การสนับสนุนโครงการนักศึกษาฝึกงานของรัฐบาลไทย โดยได้มีการคัดเลือกและให้การสนับสนุนในการจัดส่งนักศึกษาไทยจำนวนสิบคน เพื่อไปฝึกงานเป็นเวลาหนึ่งปีที่โรงงานของอินเทลในเมืองบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย ในช่วงระหว่างการฝึกงานนี้ นักศึกษาไทยทั้งสิบคนจะได้รับการอบรมในทุกแง่มุมที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิต และได้รับประสบการณ์การทำงานในสภาพแวดล้อมจริง
นายเอกรัศมิ์ กล่าวเสริมว่า “การสนับสนุนให้นักศึกษากลุ่มนี้ได้ไปฝึกงานที่ประเทศอินเดีย ถือเป็น
หนึ่งในความมุ่งมั่นที่อินเทลต้องการให้การสนับสนุนและขยายโครงการด้านการศึกษาของอินเทลในประเทศไทยให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น นักศึกษาทั้งสิบคนดังกล่าวไม่เพียงแต่จะได้รับประสบการณ์อันมีค่าจากการฝึกงานในโรงงานที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของอินเทลเท่านั้น แต่ยังจะสามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการฝึกงานในครั้งนี้มาถ่ายทอดให้แก่เพื่อนร่วมชั้นเรียน สถานศึกษา และประเทศชาติอีกด้วย”
อินเทลเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นผู้นำในการผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ระบบ
เครือข่าย และอุปกรณ์สื่อสาร ผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทอินเทล ได้ที่เว็บไซต์ http://www.intel.com/pressroom
Intel และ Pentium เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของอินเทล คอร์ปอเรชั่น หรือสำนักงานสาขาทั้งในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ ขอสงวนสิทธิ์
* ชื่อและยี่ห้ออื่นอาจถูกอ้างอิงถึงโดยถือเป็นทรัพย์สินของชื่อยี่ห้อนั้นๆ
ติดต่อ:
คุณโจซี่ เทย์เลอร์ คุณกรรภิรมย์ อึ้งภากรณ์
บริษัท อินเทล เซมิคอนดักเตอร์ จำกัด บริษัท คาร์ล บายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์
โทรศัพท์: +65 6213 1372 โทรศัพท์: (66 2) 627-3501
e-Mail: Josie.taylor@intel.com e-Mail: kanpirom.ungpakorn@carlbyoir.com.hk
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--