กรุงเทพฯ--4 มิ.ย.--บลจ.เอ็มเอฟซี
เอ็มเอฟซีมองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นทั้งภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และการบริโภคภายในประเทศ จึงเสนอขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ออมเกษียณทวีสุข เพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ M-TWSUK RMF มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนและตราสารหนี้ในประเทศ เพิ่มเป็นทางเลือกสำหรับผู้ต้องการลงทุนเพื่อประหยัดภาษี มีบริการซื้อหน่วยลงทุนสม่ำเสมอช่วยลดต้นทุนต่อหน่วย เสนอขายครั้งแรกวันนี้-15 มิถุนายน 2561
นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เอ็มเอฟซีอยู่ระหว่างการเสนอขายครั้งแรกของกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ออมเกษียณทวีสุข เพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ M-TWSUK RMF เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้สนใจลงทุนเพื่อใช้ในการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน สามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดา และยังเปิดให้บริการซื้อหน่วยลงทุนแบบหักบัญชีสม่ำเสมอ เพื่อลดความผันผวนและช่วยลดต้นทุนต่อหน่วยได้อีกด้วย ซึ่งกองทุนเปิด M-TWSUK RMF มีนโยบายการลงทุนในประเทศในตราสารทุน ตราสารหนี้ เงินฝาก โดยกองทุนจะลงทุนในหุ้น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หน่วยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่เกินร้อยละ 30 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ทั้งนี้กองทุนอาจลงทุนในตราสารทุนที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่จะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured note) ตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าที่สามารถลงทุนได้ (Non-investment grade) และตราสารหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated securities)
จากความเห็นของสายบริหารกองทุนของเอ็มเอฟซีมองสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยปัจจุบันและแนวโน้ม โดยคาดการณ์ว่าแนวโน้ม SET Index ในช่วงที่เหลือของปี 2561 นี้คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบดัชนี 1700 – 1850 จุด โดย Upside ที่สำคัญได้แก่ ความชัดเจนในการเลือกตั้ง ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องมายังความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นทั้งภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และการบริโภคภายในประเทศ ราคาน้ำมันที่คาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับสูง จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และแนวโน้มอุปทานที่น่าจะยังคงมีจำกัด รวมถึงสภาพคล่องในประเทศที่อยู่ในระดับสูง สะท้อนจากการเติบโตของฐานเงินที่ทำสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้หลังจากที่ SET Index ปรับตัวลงมากว่า 5% นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้ล่าสุด Valuation ของตลาดหุ้นไทยเริ่มที่จะมีความน่าสนใจมากขึ้น (Forward PE ปี 62 ที่ 14.5 เท่า) อย่างไรก็ตาม Upside ของดัชนียังคงถูกจำกัดด้วยแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ความน่าสนใจของตราสารหนี้มีมากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้น สำหรับปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามในช่วงถัดไปได้แก่ นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ 3 ครั้ง แต่หาก Fed เริ่มส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 4 มีโอกาสที่ Bond yield และเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะปรับตัวสูงขึ้น และจะส่งผลกดดันต่อกระแสเงินทุนต่างชาติ
กองทุนเปิด M-TWSUK RMF เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออมเงินเพื่ออนาคตในวัยเกษียณ ผู้ที่ต้องการสิทธิประโยชน์ทางภาษี ลูกจ้างหรือผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ไม่มีระบบบำเหน็จบำนาญ หรือลูกจ้างที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือข้าราชการที่อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญที่ต้องการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม ซึ่งสามารถลงทุนในระยะกลางถึงระยะยาวโดยคาดหวังผลตอบแทนในระยะยาวที่ดีกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ สามารถรับความผันผวนของราคาหุ้นที่กองทุนไปลงทุนซึ่งอาจปรับตัวสูงขึ้นหรือลดลงต่ำกว่ามูลค่าที่ลงทุนและทำให้ขาดทุนได้
ทั้งนี้ผู้ลงทุนใน RMF สามารถนำเงินลงทุนมาลดหย่อนภาษีได้ก่อนคำนวณภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 15% ของรายได้ และไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี (รวมเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกบข.) โดยได้รับยกเว้นภาษีจากผลตอบแทนจากการลงทุนใน RMF หากลงทุนต่อเนื่องตามเงื่อนไขที่กำหนด และได้รับยกเว้นภาษีจากเงินที่ไถ่ถอนจากกองทุนเมื่อผู้ลงทุนมีอายุไม่น้อยกว่า 55 ปี และลงทุนมาไม่น้อยกว่า 5 ปี
ผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและภาษี และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน รวมถึงศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนให้เข้าใจ ทั้งนี้ผู้ลงทุนจะต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีในกรณีที่ลงทุนไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
หลังการเสนอขายครั้งแรก กองทุนเปิด M-TWSUK RMF จะเปิดซื้อขายหน่วยลงทุนทุกวันทำการ และบริการซื้อหน่วยลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2561 เป็นต้นไป สำหรับผู้สนใจสามารถลงทุนขั้นต่ำครั้งแรกได้ตั้งแต่ 2,000 บาท โดยติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการลงทุน ความเสี่ยง ผลการดำเนินงาน เงื่อนไขทางภาษีของกองทุนหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) โทรศัพท์ 0-2649-2000 ติดต่อฝ่ายวางแผนการลงทุน กด 2 หรือ Contact Center กด 0 หรือที่ www.mfcfund.com หรือสาขาแจ้งวัฒนะ โทร.0-2835-3055-57 สาขาปิ่นเกล้า โทร. 0-2014-3150-2 สาขาขอนแก่น โทร.043-204-014 สาขาเชียงใหม่ โทร. 053-218-480-82 สาขาภูเก็ต โทร.076-307-070 สาขาระยอง โทร. 033-100-340-2 สาขาพิษณุโลก โทร. 055-008-980-2 สาขาอุบลราชธานี โทร.045-422-890-2 สาขาหาดใหญ่ โทร. 074-232-324 - 25
- ในกรณีที่ผู้ลงทุนต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม ผู้ลงทุนสามารถขอหนังสือชี้ชวนส่วนข้อมูลโครงการได้ที่บริษัทจัดการกองทุนรวมหรือผู้สนับสนุน การขายหรือรับซื้อคืน