กรุงเทพฯ--4 มิ.ย.--กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
ก.แรงงาน จับมือรัฐและเอกชน พัฒนาทักษะนักขับ สร้างมาตรฐานด้านโลจิสติกส์ เซฟพลังงาน
นายสุทธิ สุโกศล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่าจากข้อมูลของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ระบุว่าในปี 2560 ที่ผ่านมาประเทศไทยมีสัดส่วนการใช้พลังงานในภาคขนส่งมากที่สุดร้อยละ 40.6 ของการใช้พลังงานทั้งประเทศ โดยเฉพาะการใช้พลังงานด้านการขนส่งทางถนน มีการใช้พลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับการขนส่งในรูปแบบอื่น มากถึงร้อยละ 78 ของการขนส่งทั้งหมด เนื่องจากมีความสะดวก รวดเร็ว มีเส้นทางการเดินทางที่หลากหลาย เข้าถึงสถานที่ต่างๆ ได้มากกว่า จึงมีความจำเป็นที่หน่วยงานภาครัฐ เอกชนที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการขนส่งทางถนนให้น้อยลง โดยพบว่าทักษะการขับขี่ที่ถูกต้องจะมีส่วนสำคัญในการประหยัดพลังงานและสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จึงมอบหมายให้กพร. ใช้แนวทางประชารัฐลงนามความร่วมมมือกับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมการขนส่งทางบก และสมาคมสหพันธ์การขนส่งทางบกไทย ในการพัฒนาผู้ขับขี่รถบรรทุกและรถโดยสารเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและความปลอดภัยในธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์
นายสุรพล พลอยสุข รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ในฐานะตัวแทนของกพร.ในการลงนามความร่วมมือ กล่าว่า ได้มีการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ปี 2560-2564 ระยะ 5 ปี ตั้งเป้าพัฒนากำลังคนรวม 171,185 คน แบ่งเป็นดำเนินการโดยภาคการศึกษา 22,560 คน และภาคการพัฒนา 148,623 คน กพร. จึงให้การสนับสนุน ด้วยการจัดทำหลักสูตรเทคนิคการขับรถให้ปลอดภัยและประหยัด มุ่งเน้นการพัฒนาในด้านมาตรฐานวิชาชีพสำหรับผู้ขับขี่รถบรรทุกและรถโดยสารในธุรกิจขนส่ง การพัฒนาทักษะฝีมือจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุ ลดต้นทุนการใช้พลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิง นายจ้างและสถานประกอบกิจการยังใช้มาตรฐานฝีมือแรงงานเป็นเครื่องมือวัดความสามารถของพนักงานในการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งหรือกำหนดอัตราค่าจ้างตามความสามารถที่แท้จริง จะกลายเป็นแรงดึงดูดให้แรงงานใหม่ ผู้ว่างงาน ผู้ต้องการเปลี่ยนอาชีพ หันมาให้ความสนใจวิชาชีพด้านการขนส่งมากขึ้น ช่วยลดปัญหาการแคลนแรงงานภาคขนส่ง โดยเฉพาะพนักงานขับรถ ส่วนความร่วมมืออื่นๆ เช่น ส่งเสริมการสร้างจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์พลังงาน พัฒนาศูนย์ข้อมูลด้านขนส่งและโลจิสติกส์ของประเทศไทย รวมถึงการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยและการประหยัดพลังงาน เป็นต้น
"ความร่วมมือตามแนวทางประชารัฐในครั้งนี้มีประโยชน์อย่างมาก เพราะเป็นการผลิตผู้ขับขี่ที่มีคุณภาพ สร้างมาตรฐานทักษะรอบด้าน ทั้งการขับขี่ที่เสริมความมั่นคงด้านโลจิสติกส์ ประหยัดพลังงาน และก่อให้เกิดความปลอดภัยบนท้องถนนอีกด้วย" อธิบดี กพร.กล่าวทิ้งท้าย