กรุงเทพฯ--4 มิ.ย.--โซกู๊ด คอนซัลติ้ง
เครือเบทาโกร ผู้นำตลาดอุตสาหกรรมการเกษตร และอาหารคุณภาพครบวงจรจัดงานแถลงข่าวเผยทิศทางการขับเคลื่อนนโยบาย "เป็นคู่คิด สร้างเครือข่ายพันธมิตร" และความสำเร็จของศูนย์นวัตกรรมอาหารฯ ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพ ถ่ายทอดองค์ความรู้และบริการ ยกระดับมาตรฐานการจัดการธุรกิจในทุกด้านแก่ผู้ประกอบการด้านอาหาร เพื่อก้าวไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน เสริมความแข็งแกร่งให้กับภาคธุรกิจอาหารไทย จับมือเจ๊จง – หมูทอดขวัญใจประชาชน ต้นแบบความสำเร็จของ SME ระดับประเทศ ร่วมส่งต่ออาหารคุณภาพและปลอดภัยสู่ทุกระดับ
นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือเบทาโกร เผยถึงทิศทางนโยบาย "เป็นคู่คิด สร้างเครือข่ายพันธมิตร" ว่า กว่า 50 ปี ที่เครือเบทาโกรมุ่งมั่น และยืนหยัดทำธุรกิจบนแนวคิด "ความถูกต้อง ต้องมาก่อนกำไร" โดยเชื่อว่า หากยึดมั่นในความถูกต้อง เราจะเป็นทางเลือกที่ดีของสังคมได้ สิ่งนี้ สะท้อนออกมาอย่างชัดเจนในธุรกิจของเบทาโกรเสมอมา ด้วยอาหารคุณภาพสูง ปลอดภัย และเข้าถึงได้ในราคาที่เป็นธรรม
อาหารเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ เป็นสิ่งที่มนุษย์จำเป็นต่อการดำรงชีวิต และความมุ่งมั่นของเบทาโกร คือ เป็นผู้ส่งมอบอาหารที่ดีที่สุดให้ผู้บริโภค ผ่านช่องทางต่างๆ หนึ่งในนั้น คือ ผู้ประกอบการร้านอาหาร ความต่างของเบทาโกร คือ เราไม่ได้เป็นเพียงแค่คู่ค้า แต่เรายังเป็นคู่คิด ด้วยการตั้งศูนย์นวัตกรรมอาหารเครือเบทาโกร (Betagro Food Innovation Center) เพื่อรองรับเทรนด์อาหารในอนาคต ทำหน้าที่ 1) พัฒนาผลิตภัณฑ์ 2) พัฒนาบรรจุภัณฑ์ 3) พัฒนาองค์ความรู้ด้านอาหาร หรือ Food Solution 4) งานพัฒนาด้านเทคนิค และ 5) งานกฎหมายอาหาร ให้ตรงกับความต้องการของตลาดและผู้บริโภค และหน้าที่สำคัญของงานพัฒนาองค์ความรู้ด้านอาหาร คือ การสร้างทีมที่ปรึกษาในการพัฒนาธุรกิจในทุกมิติและแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้ากลุ่มธุรกิจอาหาร ผ่านกลยุทธ 4 สร้าง ได้แก่ 1) สร้างการสื่อสาร – เปิดใจรับฟัง 2) สร้างทางเลือก – ก่อเกิดความสำเร็จทั้งสองฝ่าย 3) สร้างทัพ – สร้างความเชื่อ วินัย และลงมือทำ และ 4) สร้างพันธมิตรยั่งยืน – จริงใจ ไม่เอาเปรียบคู่ค้า
เจ๊จงหมูทอด เป็นหนึ่งใน 60,000 พันธมิตร ที่เราเชื่อมโยงอยู่จากผู้ประกอบการร้านอาหารรายเล็ก รายกลาง และรายย่อยทั่วประเทศราว 400,000ราย โดยซัพพลายหมูสด และหมูหมัก ทำให้กระบวนการเตรียมอาหารเร็วขึ้น คุณภาพดีขึ้น แต่ยังคงรสชาติ และราคาฉบับเจ๊จงดั้งเดิม สิ่งสำคัญคือการเปิดใจ ใจเขา ใจเรา ไปดูว่าช่องว่างของปัญหาคืออะไร และเราเอาทีม FIC ไปช่วยวิเคราะห์ ไปทำกรณีศึกษา และจะช่วยเปลี่ยนแปลงให้เขาอย่างไร โดยที่ไม่กระทบกับนโยบายของเขา
นางจงใจ กิจแสวง หรือ เจ๊จง หมูทอดขวัญใจประชาชน ขึ้นแท่นหนึ่งในผู้ประกอบการ SME ที่ประสบความสำเร็จ และเป็นหนึ่งในต้นแบบคู่ค้าของเครือเบทาโกร เปิดเผยว่า ที่มาของธุรกิจเกิดจากการที่เจ๊เป็นหนี้ ขณะนั้นขายอาหารตามสั่ง ขายบุฟเฟ่ต์ แต่ยังไม่พอใช้หนี้ ด้วยความบังเอิญที่ไปเห็นข้าวหมูทอด จึงเกิดไอเดียทำหมูทอด ถึงวันนี้ก็ 15 ปีแล้ว แต่ความสำเร็จในวันนี้จะไม่หยุดเพียงเท่านี้ เพราะเชื่อว่า ยังสามารถทำได้ดีกว่า จึงเป็นที่มาของความร่วมมือระหว่างเจ๊จง และเบทาโกร ด้วยความตั้งใจของเราทั้งสองฝ่ายที่อยากให้ผู้คนทั่วไปได้รับประทานอาหารที่ดี อร่อย ที่สำคัญมีคุณภาพในราคาที่เอื้อมถึง จากเดิมที่เจ๊ใช้หมูเขียงที่ซื้อจากตลาดสดเพราะต้องการขายอาหารให้ผู้บริโภคได้ในราคาถูก แต่เราเจอปัญหาว่าไม่สามารถรักษาคุณภาพหมูให้คงที่ได้ทุกวัน จึงเข้ามาศึกษากรรมวิธีต่างๆ ร่วมกับเบทาโกรเพื่อยกระดับคุณภาพวัตถุดิบให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน ประหยัดเวลา รสชาติดีสม่ำเสมอ แต่ยังสามารถขายอาหารได้ในราคาเท่าเดิม "ทุกวันนี้ ชีวิตเจ๊เปลี่ยนไป ไม่ต้องตื่นตีสามแล้ว คุณภาพชีวิตเจ๊ดี คุณภาพหมูเจ๊ก็ดี เจ๊เป็นตัวกลางในการส่งมอบอาหารที่มีคุณภาพให้ผู้บริโภค ลูกค้าเจ๊สบายใจว่าได้ทานของดี เจ๊สบายใจและมีความสุขยิ่งกว่าค่ะ"