กรุงเทพฯ--4 มิ.ย.--
โบรกฯประสานเสียง เชียร์ "ซื้อ" SSP หุ้นพลังงานไซส์มินิ พื้นฐานแกร่ง-อนาคตไกล คาด COD โรงไฟฟ้าญี่ปุ่น-มองโกเลียก่อนกำหนด หนุนกำลังการผลิตไฟฟ้าปี 61 พุ่งแตะ 107 MW จาก 52 MW ในปี 60 ดันรายได้-กำไร ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าทะลัก ด้านผู้บริหาร "วรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์"มั่นใจงบไตรมาส 2/61 โตแรง หลังบุ๊ครายได้ขายไฟเต็มเหนี่ยว 74 MW
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SSP) เป็นผู้ประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) รายเล็ก แต่มีแนวโน้มการเติบโตสูง เนื่องจากบริษัทจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มเพิ่มขึ้นในปี 2561-2563 รวม 138.6 เมกะวัตต์ เป็น 190.8 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตที่ 52 เมกะวัตต์ โดยบริษัทจะ COD พร้อมกับรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มที่ประเทศญี่ปุ่น Hidaka ในไตรมาส 1/2561 กำลังการผลิตติดตั้ง 21 เมกะวัตต์เข้ามา ทำให้เห็นการเติบโตอย่างชัดเจนในช่วงไตรมาส 1/2561 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับหุ้นพลังงานรายอื่นๆ ที่มีขนาดใหญ่ อย่าง EA หรือ GULF มองว่า SSP ยังมี Upside ได้อีกมาก และยังเป็นหุ้น Laggard จึงมีความน่าสนใจในการลงทุนเมื่อเทียบกับราคาปัจจุบัน รวมถึงโครงการในอนาคตที่บริษัทร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ เพื่อขยายธุรกิจโซลาร์ฟาร์มที่มองโกเลีย จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการขับเคลื่อนให้ SSP เติบโต
โดยฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไรสุทธิในปี 2561 เท่ากับ 573 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68.5% จากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ทยอยเข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 1/2561 และมีแนวโน้มเติบโตตามกำลังการผลิตจนไปถึงปี 2564 ซึ่งเป็นปีที่บริษัท รับรู้รายได้ครบทุกโครงการเต็มปี โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 10.70
บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด แนะนำ "ซื้อ" หุ้น SSP ใราคาเหมาะสม 10.50 บาท โดยประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ด้วยวิธี DCF ใช้สมมติฐาน WACC 3.77% และTerminal Growth = 0 ได้ราคาที่เหมาะสมที่ 10.50 บาท (ยังไม่รวมโครงการ Khunshight Kundi ในประเทศมองโกเลีย) มี Upside ราว 27% จากราคาปัจจุบัน
สำหรับแนวโน้มกำไร 2Q61 มีแนวโน้มเติบโตทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากรับรู้โรงไฟฟ้าฮิดากะและโซลาร์รูฟท็อป 2 โครงการ SNNP1 และ SNNP2 เต็มไตรมาสช่วยหนุนผลประกอบการ
ทั้งนี้ หลังจากรับฟัง Analyst Meeting มีประเด็นเพิ่มเติม 3 ประเด็นคือ 1) โครงการโรงไฟฟ้าโซเอ็นที่ญี่ปุ่นและโรงไฟฟ้า Khunshight Kundi ที่มองโกเลีย (16.4 MW) มีโอกาส COD เร็วกว่าคาดที่ 3Q61 และ 4Q61 ตามลำดับ ซึ่งเร็วกว่ากำหนดหนึ่งไตรมาส จะทำให้ทั้งปีบริษัทฯมีกำลังการผลิตรวมที่ 107 MW จาก 52 MW ในปี 60 2) ได้มีการปรับโครงสร้างทางการเงินหลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้ได้ต้นทุนการเงินที่ต่ำลงทั้งในไทยและญี่ปุ่น 3) บริษัทฯมีแผนการลงทุนโซลาร์ฟาร์มทั้งในและต่างประเทศต่อเนื่อง อาทิ มองโกเลีย ญี่ปุ่น หรือ เวียดนาม คาดจะสรุปได้ภายใน 3Q61 อย่างน้อย 1 โครงการไม่เกิน 100 MW
ขณะที่นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SSP) กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/61 คาดว่าจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/61 และช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องในไตรมาสนี้บริษัทฯจะรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้เต็มที่ทั้ง 74 เมกะวัตต์ หลังจากที่มีโครงการโซลาร์ฟาร์ม Hidaka กำลังการผลิต 21 เมกะวัตต์ COD เพิ่มในช่วงปลายไตรมาส 1/61 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตเป็นเลขสองหลักจากปีก่อน ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เพราะจะมีการ COD โครงการโซลาร์ฟาร์ม และโซลาร์รูฟท็อปรวมกันเพิ่มมาอีก 3 โครงการ กำลังการผลิตรวม 16 เมกะวัตต์ และจะทำให้สิ้นปีนี้บริษัทฯมีโครงการที่ COD แล้วกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 90 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันกำลังการผลิตที่ COD แล้วอยู่ที่ 74 เมกะวัตต์ และในปี 62 บริษัทฯจะมีกำลังการผลิตที่ COD เพิ่มเป็น 107 เมกะวัตต์ ในช่วงไตรมาส 1/62 จากการเริ่ม COD ของโครงการโซลาร์ฟาร์ม Khonshogh Kundi ในประเทศมองโกเลีย กำลังการผลิต 16.4 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัทฯมีใบอนุญาตขายไฟฟ้ารวมทั้งหมด 190 เมกะวัตต์ คาดว่าจะ COD ได้ครบทั้งหมดภายในปี 63 รวมทั้งบริษัทยังหาโครงการใหม่ๆที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง