กรุงเทพฯ--5 มิ.ย.--
นายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวในพิธีปล่อยขบวนปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ ส่งเสริมการท่องเที่ยวตามรอย 3 ธรรม ว่า "สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครพนม จึงได้ร่วมกับจังหวัดนครพนม สกลนคร และมุกดาหาร นำเอากิจกรรมการปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพมาใช้ในการเดินทางชม และสัมผัสความงดงามในวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชนเผ่าต่างๆ ร่วมประกอบกิจกรรมประเพณีกับชาวผู้ไทยเรณูนคร ร่วมกราบไหว้บูชาต่อองค์พระธาตุพนม พระธาตุเชิงชุม ซึ่งเป็นพระธาตุเก่าแก่มีพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความเคารพศรัทธา รวมถึงตามรอยความเชื่อในรูปแบบฮีต 12 ครอง 14 ความเชื่อเกี่ยวกับพญานาค ศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์ และชมความงดงามของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ตั้งเรียงรายอยู่ตามจุดต่างๆ ทั้งสองฝากฝั่งเส้นทางการปั่น โดยกิจกรรมในครั้งนี้จะมีขึ้นรวม 3 วัน 2 คืน จัดขึ้นไปเมื่อวันที่ 1-3 มิถุนายน 2561ที่ผ่านมา มีนักปั่นจักรยานท่องเที่ยวเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 300 คน ซึ่งเส้นทางการปั่นนักปั่นทุกคนจะได้สัมผัสกับความโหดและความสวยงามตามธรรมชาติ ซึ่งเส้นทางนักปั่นในกลุ่มจังหวัดสนุก ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าเป็นสุดยอด 3 เจ้าแห่งการปั่น ได้แก่ เส้นทางจากนครพนมไปมุกดาหาร เรียก "เจ้าแห่งลุ่มน้ำโขง" เนื่องจากขับเลียบไปตามเส้นทางแม่น้ำโขง เส้นทางจากมุกดาหารไปสกลนคร นับเป็นเส้นทางแห่ง "เจ้าแห่งภูเขา" เพราะต้องปั่นขึ้นภูที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามให้รอคอยให้นักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชม และเส้นทางจากสกลนครไปนครพนม คือ "เจ้าแห่งทางเรียบ"
นางหริรักษ์ มณีสร้อย นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครพนม กล่าวถึงวัตถุประสงค์และความคาดหวังของการจัดกิจกรรมนี้ว่า "กิจกรรมนี้เป็นการจัดขึ้นครั้งแรกอยากให้นักท่องเที่ยว นักปั่นเพื่อสุขภาพ คนในชุมชน คนนอกชุมชนรักสุขภาพ มาร่วมท่องเที่ยวปั่นแวะ แชะ ชุมชนกันมากขึ้น และคาดหวังว่ากิจกรรมการปั่นจักรยานท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ จะช่วยการกระจายรายได้สู่ชุมชน สร้างภาพลักษณ์ให้นักท่องเที่ยวคนในชุมชน ภาพนครพนมเป็นเมืองท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพไปสู่สายตานักท่องเที่ยว"
สำหรับเส้นทางการปั่นวันที่ 1 กับเส้นทาง "เจ้าแห่งลุ่มน้ำโขง" เหล่านักปั่นเริ่มออกสตาร์ทจากลานพญาศรีสัตตนาคราช จังหวัดนครพนม ปั่นต่อไปยัง พระธาตุพนม พระธาตุประจำปีเกิดของคนปีวอก และเป็นพระธาตุประจำวันของคนวันเกิดวันอาทิตย์ ปั่นไปชมวิถีชีวิตชุมชนผู้ไท อ.เรณูนคร เมืองที่มีสาวงามเลื่องชื่อ และปั่นไปยังแก่งกะเบา แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม ตั้งอยู่ในเขตบ้านนาแกน้อย ต.ป่งขาม อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร แก่งกะเบาเป็นแก่งหินและโขดหินที่ขวางกั้นแม่น้ำโขง สายน้ำโขงที่ไหลมาจะมากระทบกับแก่งหินและมีการ กัดเซาะทำให้เกิดรูปร่างที่สวยงาม ในบางที่จะมีลักษณะเหมือนกับหลุมลึกบางที่ก็จะเป็นลักษณะเหมือนถ้ำใต้น้ำ ในฤดูแล้งน้ำลดจะเห็นเกาะแก่ง กลางน้ำ และหาดทรายสวยกว่าฤดูอื่น ๆ ปั่นไปชมวิวที่ "หาดมโนภิรมย์" หรือหาดชะโนด ตั้งอยู่ที่บ้านชะโนด ตำบลชะโนด อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร ห่างจากตัวจังหวัดมุกดาหาร 17กิโลเมตร เป็นหาดทรายในแม่น้ำโขงซึ่งทอดยาวอยู่ใกล้กับวัดมโนภิรมย์ชาวบ้านจึงเรียกหาดทรายนี้ว่า หาดมโนภิรมย์ตามชื่อวัด หรือเรียกว่าหาดชะโนดตามชื่อของหมู่บ้าน หาดมโนภิรมย์ทอดยาวจากทิศเหนือของบ้านชะโนดไปบรรจบกับหาดพาลุกาที่บ้านพาลุกา
วันที่ 2 ก็มาปั่นกันในเส้นทาง "เจ้าแห่งภูเขา" ปั่นกันไปชมความงามทางธรรมชาติของอุทยานภูหมู จังหวัดมุกดาหาร จุดชมวิวที่สำคัญและสวยงามแห่งหนึ่งของอำเภอนิคมคำสร้อย ที่สวยงามให้รอคอยให้นักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชม อุทยานภูหมู และปั่นยังชุมชน ภูไทห้วยหีบ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัด สกลนคร พร้อมแวะไปกราบสักการะ พญาเต่างอย ที่เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านยาวนานกว่า 400 ปี
และเส้นทางสุดท้ายของวันที่ 3 เส้นทาง "เจ้าแห่งทางเรียบ" เหล่านักปั่นก็ปั่นออกจากสกลนครมายังนครพนม แบบสบายๆ ระหว่างทางก็ได้แวะกราบสักกการะ วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ปูชนียสถานสำคัญคู่บ้านคู่เมืองสกลนครมาแต่โบราณ ภายในวิหารใกล้พระธาตุเชิงชุม เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อองค์แสนอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพนับถือ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดสกลนคร ยอดฉัตรเหนือองค์พระธาตุทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ หนัก 247 บาท ภายในมีรอยพระพุทธบาท 4 พระองค์ นับตั้งแต่พระกกุสันทะ พระโกนาคม พระกัสสะปะ และพระโคดม วัดพระธาตุเชิงชุม นับเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ ดังคำกล่าวที่ว่า "จะมีครั้งไหนที่ได้อานิสงส์มากไปกว่าการได้มาบูชา พระธาตุที่สร้าง ครอบรอยพระบาทแห่งพระพุทธเจ้าถึง 4 พระองค์" เชื่อกันว่าอานิสงส์ในการนมัสการพระธาตุเชิงชุมนั้นจะก่อให้เกิดความ เป็นสิริมงคลสูงสุดแก่ตนเองและครอบครัวให้มีความเจริญรุ่งเรือง แคล้วคลาดปราศจากอันตราย รวมไปถึงการนมัสการหลวงพ่อ พระองค์แสน ที่เชื่อกันว่าให้พรในด้านโชคลาภ ให้มีเงินทองนับหมื่นนับแสน มีความมั่งมีศรีสุขในชีวิต หลังจากนั้นก็ปั่นต่อไปยังพิพิธภัณฑ์ประธานโฮจิมินห์ เป็นบ้านที่นายโฮจิมินห์ได้เคยเข้ามาอาศัยพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อกอบกู้เอกราชของเวียดนามในช่วงระหว่างการทำสงคราม ช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2467- 2474 และปั่นไปต่อยังจุดชมวิว สะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว แห่งที่ 3 มาสิ้นสุดกิจกรรมการปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ ส่งเสริมการท่องเที่ยวตามรอย ๓ ธรรม ณ ลานพญาศรีสัตตานาคราช
ด้านพี่มิน-ดีวงศ์ คณาวรรณ สาวนักปั่นจากอำเภอนาแก จังหวัดสกลนคร กล่าวถึงการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ว่า สนุกสนาน ได้เพื่อนเยอะมีมิตรภาพที่ดีต่อกันระหว่างการปั่น ประทับใจค่ะ
ส่วนนายวัฒนา น้อยนาง นักปั่นจากสกลนคร รู้สึกประทับใจทีมงาน ผู้จัด ทีมงานที่ดูและทั้ง 3 วัน 2 คืน ได้เห็นความแตกต่างของแต่ละวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่ อยากให้มีการปั่นจักยานในรูปแบบนี้อีกครั้ง