กรุงเทพฯ--6 มิ.ย.--โรงแรมโฆษะ
ประชารัฐรักสามัคคีขอนแก่นผนึกกำลังคณะเกษตรฯ มหามิทยาลัยขอนแก่น ผลิตลูกเจี๊ยบสายพันธุ์ "KKU 1" เอาใจคนเป็นเก๊าที่ชอบกินไก่ และช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้เสริม 70,000 บาทต่อปี ต่อครอบครัว
เรามักได้ยินมาเสมอว่าคนที่เป็นโรคเก๊าไม่ควรกินไก่ เพราะจะทำให้อาการกำเริบปวดตามข้อ และทรมานเป็นอย่างมาก หากไม่สามารถควบคุมความอยากของตัวเองได้ กระนั้นก็มีคนบางประเภทที่เป็นเก๊าแต่ยอมกินไก่เพราะชอบรสชาติอันละมุนของเนื้อไก่ซึ่งแลกกับความเจ็บปวดของร่างกาย ทว่าต่อไปนี้คนที่เป็นเก๊าจะไม่ต้องทรมานแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว
เมื่อบริษัทประชารัฐรักสามัคคีขอนแก่น (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จับมือกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น นำเอานวัตกรรมไก่สายพันธุ์ "KKU 1" ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น มาเป็นสินค้าเพื่อสร้างรายได้เสริม ให้แก่เกษตรอย่างยั่งยืน ซึ่งทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นผู้ผลิตลูกเจี๊ยบ และกลุ่มเกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมโครงการ ผ่านการคัดเลือกจากพัฒนาชุมชน
คุณชาติชาย โฆษะวิสุทธิ์ ประธานกรรมการประชารัฐรักสามัคคีขอนแก่น (วิสาหกิจเพื่อสังคม) กล่าวว่า "ทางกลุ่มได้เข้ามาดูแลเรื่องนี้เพราะเห็นว่าช่วงนี้กระแสการกินอาหารเพื่อสุขภาพมาแรง จึงเป็นช่องทางที่จะสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกร ซึ่งทีมงานทั้งหมดก็ทำด้วยใจไม่มีการจ่ายปันผลเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นบุญแทน และคนที่เป็นเก๊าก็สามารถกินไก่ได้อย่างที่ไม่ต้องกลัวเก๊ากำเริบอีกต่อไป"
สำหรับไก่สายพันธุ์ "KKU 1" เดิมมีชื่อว่าไก่พันธุ์ไข่มุกอิสาน 2 ซึ่งศูนย์เครือข่ายวิจัยฯ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้นำ "ไก่ชี" ผสมกับไก่ทางการค้าได้ลูกออกมา จากนั้นคัดเลือก 5 ชั่วรุ่น ได้ไก่"ไข่มุกอีสาน KKU50″ แล้วต่อมาทางศูนย์วิจัยฯได้นำมาปรับปรุงพันธ์ใหม่ โดยนำไก่"ไข่มุกอีสาน KKU50″ ไปผสมกับไก่ psbroiler ได้ลูกผสมออกมาเป็น "ไก่ KKU1"
ซึ่งไก่สายพันธ์นี้มีความเป็นสายพันธุ์ไก่บ้านอยู่อีก 25% เลยทีเดียว และมีคุณสมบัติที่น่าสนใจคือมีกรดยูริคต่ำเพียง 1.91 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าไก่เนื้อทางการค้า และยังมีคอเลสเตอรอลต่ำ เนื้อแน่น แต่นุ่ม รวมไปถึงไฟเบอร์กล้ามเนื้อยังมีขนาดเล็กมากอีกด้วย จึงเหมาะกับการบริโภคกับคนทุกวัย
ขณะที่โรงแรมชื่อดังในจังหวัดขอนแก่น อย่างโรงแรมโฆษะได้มีการนำไก่สายพันธุ์ "KKU 1" ไปประกอบอาหารให้กับผู้เข้าพักได้รับประทาน ซึ่งก็ได้ผลตอบรับที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ที่สำคัญคือไก่ "KKU 1″ ก็ยังได้มีโอกาศนำไปประกอบอาหารเมนู"ไก่อาบน้ำผึ้งจิตลดา" ขึ้นเสิร์ฟให้แก่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสวยมาแล้ว จึงการันตีได้ถึงคุณภาพที่ยอดเยี่ยมของไก่สายพันธุ์นี้ได้เป็นอย่างดี
และตอนนี้ทางกลุ่มประชารัฐรักสามัคคีขอนแก่นก็ได้คิดเมนูใหม่เพิ่มเข้ามาเอาใจคนชอบกินไก่ ซึ่งปัจจุบันมีเมนูให้เลือกรับประทานกันดังนี้คือ ไก่ย่างขามแก่น,ข้าวมันไก่,ไก่อบสมุนไพร,ไก่อาบน้ำผึ้งจิตลดา และ ไก่ทอดกับซอสซัมบราวน์ ซึ่งผู้ที่สนใจอยากจะรับประทานก็ไม่จำเป็นต้องดั้นด้นไปไกลถึงขอนแก่น เพราะเมนูเหล่านี้กำลังจะวางขายในฟุ้ดแลนด์ ซูเปอร์มาร์เก็ต
ด้านคุณสุเมธ มั่งคั่ง รองประธานกรรมการประชารัฐรักสามัคคีขอนแก่น (วิสาหกิจเพื่อสังคม) กล่าวว่า "เกษตรกรในจังหวัดขอนแก่นสามารถนำลูกเจี๊ยบไปเลี้ยงรอบละ 350 ตัว และเบิกอาหารจากประชารัฐ เลี้ยงแค่ 4-5 สัปดาห์ หักค่าอาหาร และค่าลูกเจี๊ยบออกแล้ว มีรายได้เหลือสุทธิครอบครัวละ 7,000 บาท/สัปดาห์ หรือประมาณ 70,000 บาท/ปี "
โดยวิธีการเลี้ยงไก่สายพันธุ์ "KKU 1" เกษตรกรพื้นที่ของจังหวัดขอนแก่นจะเป็นผู้เลี้ยงด้วยตัวเองในโรงเรือนหรือตามบ้านไม่ต้องลงทุนค่าใช้จ่ายสูงนัก สำหรับการเลี้ยงเพื่อที่จะเอาไปทำไก่ย่างที่มีน้ำหนักไก่ 0.9 กก. – 1.0 กก. สามารถจับขายได้ได้ในระยะเวลาเพียง 4-5 สัปดาห์
ส่วนการเลี้ยงเพื่อนำไปประกอบอาหารตามภัตาคารที่ต้องใช้น้ำหนัก 2.0 กก. – 2.2 กก. สามารถจับได้ในระยะเวลา 8 – 10 สัปดาห์ ซึ่งตลอดขั้นตอนการเลี้ยงจะไม่มีการฉีดวัคซีนให้ไก่เหมือนกับที่อื่น แต่เป็นการเลี้ยงแบบธรรมชาติ ซึ่งข้อดีของไก่สายพันธ์นี้คือมีอคราแลกเนื้อที่ต่ำ โดยใช้อาหารเพียง 1.7 กก. สามารถเปลี่ยนเป็นเนื้อที่ต้องการได้
ขณะที่อื่นต้องใช้กันถึง 2 กก. เลยทีเดียว ซึ่งปัจจุบันทางคณะเกษตรฯ มหาวิทยาลัยของแก่นสามารถผลิตลูกเจี๊ยบได้ 500 ตัวต่อสัปดาห์ แต่ก็คาดหวังว่าต้นปีหน้าจะสามารถผลิตลูกเจี๊ยบให้ได้ 2,000 ตัวต่อสัปดาห์ เพื่อรองรับการขยายตลาด และมีแผนระยะยาวคือส่งออกต่างประเทศต่อไป